June 19, 2020

Kanchanaburi: เอราวัณ - เขื่อนเจ้าเณร: 13.01.2017

เมื่อคืนฝนไม่ตกเลย อุณหภูมิลดลงเหลือ 20 องศา
เช้านี้อากาศปลอดโปร่ง เย็นสบาย ท้องฟ้าสีครามสดใส
มื้อเช้า กินขนมปังที่บ้านพัก

09.30 น. ออกจากอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ขับรถย้อนกลับตามทางหลวงชนบท 6043 ราว 45 กิโลเมตร ผ่านเทศบาลตำบลเอราวัณ สถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีสวัสดิ์ จากนั้นทางคดเคี้ยวขึ้นลงเขาอีกราว 1.5 กิโลเมตร ถึงอุทยานแห่งชาติเอราวัณ เวลา 10.20 น.

อุทยานแห่งชาติเอราวัณ
     แดดจ้า แสงสี contrast กับป่าเขาทะมึน ทางเดินไปน้ำตกเอราวัณผ่านป่าไผ่และป่าดิบเขางดงาม นักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งยุโรป จีน เกาหลี ญี่ปุ่น จำนวนมากกว่าชาวไทย หลายคนตั้งใจไปเล่นน้ำกัน ด้วยแต่ละชั้นมีแอ่งใหญ่ใต้น้ำตกที่ร่มรื่นและเชิญชวน
     ป้ายบอกระยะทางของน้ำตกทั้ง 7 ชั้น ชัดเจน เพื่อคนเดินทางประเมินกำลังและเวลาได้อย่างเหมาะสม
     7 ภูผาเอราวัณ  2,000 เมตร
     6 ดงพฤกษา     1,750 เมตร
     5 เบื่อไม่ลง       1,550 เมตร
     4 อกนางผีเสื้อ  1,050 เมตร
     3 ผาน้ำตก          700 เมตร
     2 วังมัจฉา           600 เมตร
     1 ไหลคืนรัง         500 เมตร
     ผืนป่าใหญ่ ธารน้ำตกกว้าง สูงถึง 7 ชั้น ช่วยกระจายนักเดินทางไม่ให้แออัด แวดล้อมจึงคงสงบสุข
     เราค่อยๆ เดิน พักชมน้ำตกไปทีละชั้น แต่ละชั้นบรรยากาศงดงามแตกต่างกัน อาทิ
     ชั้น 1 ไหลคืนรัง น้ำใสไหลเย็น คนลงเล่นน้ำกันคึกคัก
     ชั้น 2 วังมัจฉา ฝูงปลาพลวงจำนวนมากแหวกว่ายอยู่ทั่วไป
     ชั้น 3 ผาน้ำตก ท้าทายคนใจกล้าโหนเชือกทิ้งตัวลงแอ่งน้ำอย่างสนุกสนาน
     เราเดินถึงชั้น 4 อกนางผีเสื้อ ไม่ไปต่อ ด้วยทางไกลและลำบากมากขึ้น
     กลับออกจากน้ำตก พักกินมื้อกลางวันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ไก่ย่างบางตาล ข้าวเหนียว ส้มตำ รออยู่หลายร้าน

13.30 น. ออกจากอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ขับรถย้อนขึ้นทางเหนือ ผ่านสถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีสวัสดิ์ ตลาดเทศบาลตำบลเอราวัณ ไปยังเขื่อนศรีนครินทร์ ระยะทางราว 6 กิโลเมตร

เขื่อนศรีนครินทร์
     เดิมชื่อเขื่อนเจ้าเณร เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ เพื่อผลิตไฟฟ้าและชลประทาน กั้นแม่น้ำแควใหญ่บริเวณบ้านเจ้าเณร ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรี เริ่มก่อสร้าง พ.ศ. 2516 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2523
     สำนักงานและบ้านพักส่วนใหญ่อยู่ริมทะเลสาบเหนือเขื่อน ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำแควใหญ่
     เราจอง ‘บ้านเอราวัณ’ ไว้ ด้วยบ้านพักริมทะเลสาบเต็มหมด เพิ่งรู้ว่าส่วนนี้อยู่นอกเขตสำนักงานเขื่อน แยกไปฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ อย่างไรก็ตาม พื้นที่โดยรอบตกแต่งด้วยสวนไม้ดอกสีสันงดงาม สงบร่มรื่น รอบนอกเป็นป่าเบญจพรรณ
     16.30 น. แดดอ่อนลง จึงขับรถเข้าไปเที่ยวบริเวณสำนักงานเขื่อน

สวนเวลารำลึก
     สร้างเมื่อ พ.ศ. 2533 ในศุภมงคลสมัยที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเจริญพระชนมายุ 90 พรรษา บนเนื้อที่ 30 ไร่ บริเวณเชิงเขาริมอ่างเก็บน้ำ ใกล้ท่าเรือเขื่อน
     สิ่งน่าสนใจได้แก่
     นาฬิกาแดด ประติมากรรมคอนกรีตขนาดใหญ่ ทำเป็นแผงหน้าปัด วัดตามแนวโค้งยาว 23.80 เมตร ส่วนกว้างสุด 9.95 เมตร ส่วนแคบสุด 6.25 เมตร หนา 0.80 เมตร หน้าปัดเอียง 28.6 องศา ผิวหน้าปิดด้วยกระเบื้องเคลือบสีเทาขาว ประกอบด้วยเส้นบอกเวลา (07.00-18.00) และเส้นกำกับเดือน เข็มรับแสงอาทิตย์ หล่อด้วยโลหะผสม ยาว 6.50 เมตร กว้าง 1.00 เมตร ตั้งหันหน้าลงทิศใต้
     สวนสมเด็จย่า มีประตูรั้วที่จำลองจากวังสระปทุม ทำเสมือนเป็นทางเข้าสู่สวนกว้างใหญ่ซึ่งประกอบด้วย ไม้ยืนต้น สวนไม้ดอก สระบัว ทางเดินร่มรื่นพาสู่ส่วนต่างๆ อย่างผ่อนคลาย แสงทองยามเย็นขับให้ธรรมชาติสีเขียวสดงดงามยิ่ง
     เราเดินเล่นในสวนจนถึง 18.00 น.

มื้อค่ำ กินที่ ’เรือนธารา’ ร้านอาหารอร่อยของเขื่อน จากชั้นบนมองเห็นทะเลสาบใหญ่อยู่ถัดจากสวนสวยของร้านออกไปจนสุดสายตา
หลังอาหาร กลับที่พัก บ้านเอราวัณ
ที่เที่ยวที่อยู่ที่กิน ช่างสะดวกสบายจริงๆ...


ข้อมูลค้นจาก
     dnp.go.th
     wikipedia.org
     irre.ku.ac.th

No comments:

Post a Comment