เข้ากลางเดือนพฤศจิกายน อากาศคลายอบอ้าว เย็นลงบ้าง
วันนี้ วันพระ พระอุโบสถตามวัดต่างๆ น่าจะเปิดตลอดวัน
11.00 น. นั่งรถเมล์เย็นไปลงที่ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง
พื้นที่ 2 ไร่ครึ่ง ปูด้วยหินแกรนิต จัดเป็นที่พักผ่อนของประชาชน รั้วรอบบริเวณเป็นรั้วเตี้ย กรุกระเบื้องปรุเคลือบสี มีเสาประทีปและกระถางต้นไม้สลับกัน บริเวณพื้นลานจัดเป็นสวนปลูกต้นไม้ รอบลานแวดล้อมด้วยโบราณสถานสำคัญ อาทิ โลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร ภูเขาทอง วัดสระเกศ และป้อมมหากาฬ
เมื่อคราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ. 2525 คณะกรรมการโครงการกรุงรัตนโกสินทร์ได้เสนอโครงการปรับปรุงสภาพแวดล้อมโลหะปราสาท วัดราชนัดดาราม ต่อคณะรัฐมนตรี เนื่องจากพิจารณาเห็นว่า โลหะปราสาทตั้งอยู่ในบริเวณที่เปรียบเสมือนประตูสู่กรุงรัตนโกสินทร์ มีประวัติความเป็นมาที่สำคัญ และเหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในโลก สมควรส่งเสริมทัศนียภาพของโลหะปราสาทให้ปรากฏแก่สาธารณะ โดยการรื้อถอนอาคารโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย และพื้นที่โล่งว่างที่เกิดขึ้น สมควรจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดสร้างพลับพลาที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อต้อนรับราชอาคันตุกะหรือประมุขต่างประเทศ แทนพลับพลาชั่วคราวซึ่งสร้างบริเวณเชิงทางลาดสะพานผ่านฟ้าลีลาศ จัดสร้างศาลารายสำหรับเฝ้ารับเสด็จฯ และสวนสาธารณะเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ
เมื่อโครงการแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์และสวนสาธารณะ ในวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 อันเป็นวันคล้ายวันเถลิงถวัลยราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อโครงการแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์และสวนสาธารณะ ในวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 อันเป็นวันคล้ายวันเถลิงถวัลยราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบรมรูปประทับนั่งบนพระที่นั่งกง ขนาดหนึ่งเท่าครึ่งของพระองค์จริง มีแท่นฐานรองรับ 2 ชั้น ทำด้วยหินอ่อน ด้านหลังพระบรมรูปเป็นฉากรูปพระวิมาน อันเป็นพระบรมราชสัญลักษณ์ประจำพระองค์ พื้นฉากด้านหน้าเป็นหินอ่อนเรียบ ฉากด้านหลังเป็นหินอ่อนจารึกพระราชประวัติ ลวดลายรูปพระวิมานเป็นกระเบื้องเคลือบ พื้นลานที่รองรับแท่นฐานเป็นหินแกรนิต ซึ่งรวมทั้งกระถางต้นไม้ที่อยู่ตามมุมด้วย ผู้ปั้นพระรูปคือ นายสุภร ศิระสงเคราะห์ กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร
พลับพลาที่ประทับ
พลับพลาโถงจตุรมุข หลังคาลด 2 ชั้น มีพาไลปีกนกโดยรอบ มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสี ประดับช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันปั้นลายปิดทองประดับกระจก เพดานปิดทองลายฉลุประดับดาวเพดาน เสาในเขียนลายรดน้ำ เสานอกบุหินอ่อนปั้นบัวปลายเสาและบัวตีนเสาปิดทอง ตัวพลับพลาล้อมรอบด้วยระเบียงสีดำปิดทองประดับกระจก พื้นแบ่งเป็น 2 ระดับ ในส่วนที่ประทับและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เฝ้า ยกพื้นสูง 0.45 เมตร ปูด้วยหินอ่อนทั้ง 2 ระดับ ขนาดของพลับพลาความกว้างของมุข 8 เมตร ยาวตลอด 15.50 เมตร โครงสร้างทั้งหมดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก สถาปนิกผู้ออกแบบ นาวาอากาศเอกอาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม (สถาปัตยกรรมไทย) ปี 2541
ศาลาราย
สำหรับข้าราชการและแขกผู้มีเกียรติเฝ้ารับเสด็จฯ และร่วมพิธีจำนวน 3 หลัง อยู่ทางทิศใต้ของพลับพลา ลักษณะเป็นศาลาโถงขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 8 เมตร หลังคามุงกระเบื้องเคลือบสี หน้าบันปั้นปูน พื้นหินอ่อน เสาผิวขัดปูนตำ
องค์ประกอบทั้งหมดของลานงดงาม พื้นที่โล่ง กว้างขวาง ฉากหลังโดยรอบเป็นโบราณสถานสำคัญ รูปร่างต่างๆ กัน ล้วนงดงาม
เดินต่อผ่านประตูรั้วด้านข้างของวัดราชนัดดาราม บริเวณสงบเงียบ สะอาดสะอ้าน
วัดราชนัดดารามเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างวัดนี้พระราชทานพระราชนัดดา เจ้าฟ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี ซึ่งต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ ทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระนางเธอโสมนัสวัฒนาวดี พระนางนาฎบรมอัครราชเทวี
กำแพงแก้วและศาลาราย
กำแพงวัดเป็นกำแพงชั้นนอกและกำแพงแก้วชั้นใน กำแพงชั้นนอกมีลักษณะอย่างกำแพงเมือง ด้านหน้าวัด ถนนมหาไชย มีศาลาขนาดใหญ่ ขนาบประตูเข้าวัดข้างละ 1 หลัง ก่ออิฐถือปูนเป็นทรงไทย ลักษณะสถาปัตยกรรมแสดงให้เห็นเป็นปราการมั่นคงแข็งแรง ตั้งประจันหน้ากำแพงเมืองและป้อมมหากาฬที่อยู่ถัดออกไป เสาศาลาบนกำแพงแต่ละต้นมีขนาดใหญ่เป็นแท่งสี่เหลี่ยมรองรับหลังคา รับกับสถาปัตยกรรมภายในวัดที่มีขนาดใหญ่โอฬารทั้งสิ้น
พระอุโบสถ
ตั้งขนานคลองรอบกรุง ศิลปะสมัยรัชกาลที่ 3 คือมีพาไลเสาสี่เหลี่ยมรอบ หน้าบันปูนปั้น
พระประธานในพระอุโบสถ รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้หล่อด้วยทองแดง รัชกาลที่ 4 ถวายพระนามว่า 'พระเสรฐตมุนี'
พระอุโบสถปิด เข้าชมภายในไม่ได้
โลหะปราสาท
ด้านทิศตะวันตกของพระอุโบสถ เป็นที่ตั้งของโลหะปราสาท สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 แทนการสร้างพระเจดีย์ ปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 5 และ 6 ผังรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสแบบโลหะปราสาทที่เมืองลังกา ส่วนสถาปัตยกรรมสร้างแบบศิลปะไทย เป็นอาคาร 5 ชั้น ลดหลั่นกันขึ้นไป ชั้นล่าง และชั้นที่ 3 เป็นคูหาและระเบียงรอบ ส่วนชั้นที่ 2 และชั้นที่ 4 เป็นคูหาจตุรมุขมียอดเป็นบุษบก ชั้นที่สอง 24 ยอด ชั้นที่สี่ 12 ยอด บนสุด ชั้นที่ 5 เป็นยอดปราสาทจตุรมุขประดิษฐานพระบรมธาตุ รวมเป็น 37 ยอด หมายถึง โพธิปักขิยธรรม 37
ทางเข้าโลหะปราสาท จัดชั้นวางรองเท้าเป็นระเบียบ ผมถอดรองเท้า เข้าไปภายใน
ผ่านคูหาและระเบียง แปลกตาแต่งดงาม ทางขึ้นอยู่ตรงกลางเป็นบันไดเวียนรอบเสาไม้แกนใหญ่ ลูกบันไดเป็นไม้แผ่นหนา ทามันเงา ประณีต ควบตัวเสาและผนังด้านข้าง ประทักษิณจากฐานชั้นล่างขึ้นไปชั้นบน แต่ละชั้นที่เป็นคูหาและระเบียงเกิดมุมสงบสำหรับสมาธิและจงกรม ยิ่งสูงขึ้นไป ยิ่งเปิดมุมมองโบราณสถานโดยรอบ ตลอดจนภาพผังอันประณีตงดงามของวัดราชนัดดารามเอง ชั้นบนสุด ปราสาทจตุรมุขประดิษฐานพระบรมธาตุเป็นจุดหมายสูงสุดทางกายภาพของโลหะปราสาท
กลับลงมา รองเท้าที่ผมถอดไว้บนชั้นวางเป็นระเบียบ อันตรธาน ถามป้าคนวัดสองคนที่อยู่แถวทางเข้าโลหะปราสาท แกโพล่งออกมาว่า 'เอาอีกแล้ว โดนกันเป็นประจำ ทุกวัดไม่มีเว้น' ผมรู้ชะตากรรมรองเท้า แต่เคืองตัวเองที่ชะล่าใจ หลงเชื่อป้ายที่เขียนว่าให้วางรองเท้าบนชั้น หลงเชื่อชั้นวางที่ดูเรียบร้อย แทนที่จะเชื่อสามัญสำนึกในการถอดรองเท้าใส่ถุง หิ้วติดตัวเสมอเวลาเข้าพระอุโบสถ วัดเป็นสถานที่เปิด คนทุกประเภทเข้าวัดได้โดยสะดวกอิสระ ชุมชนรอบวัดมักแออัด วัดจึงมีลักษณะ 'ก้ำกึ่ง' ไม่อาจเป็นสถานที่ 'อุดมคติ' ได้
ป้าคนวัดอนุเคราะห์รองเท้าฟองน้ำตราสตางค์ให้ผมหนึ่งคู่เพื่อเดินต่อได้ ต้องขอบคุณอย่างยิ่ง มิฉะนั้นผมจะลำบากมาก
แม้หงุดหงิดเสียอารมณ์กับกรณีที่เกิด สองจิตสองใจ จะกลับเลยหรือเดินต่อ ไหนๆ รองเท้าก็ไม่อยู่ กลับก็ไม่เห็นมีอะไรต่างไป ตกลงเดินต่ออีกหน่อย
เดินทะลุจากวัดราชนัดดารามผ่านเข้าสังฆาวาสวัดเทพธิดาราม
วัดเทพธิดารามเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างพระราชทานพระเจ้าลูกเธอกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
สังฆาวาสอยู่ติดกับพุทธาวาสไปทางตะวันตก หมู่กุฏิสงฆ์เป็นตึกก่ออิฐถือปูน เป็นระเบียบ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 สุนทรภู่ กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เคยพำนักเมื่อบวช พ.ศ. 2383-2385 ก่อนสึกได้แต่งเรื่อง 'รำพันพิลาป' กล่าวถึงความเป็นอยู่ในวัดเทพธิดาราม
สภาพสังฆาวาส รก ทรุดโทรม เปลี่ยว กุฏิสุนทรภู่ก็เช่นเดียวกัน ผมเดินครู่เดียว รู้สึกไม่ปลอดภัย นึกถึงป้ายของ กทม. ริมถนนมหาไชย หน้าวัดเทพธิดาราม เตือนให้ระวังโจรจี้ชิงทรัพย์ จึงรีบหาทางออกสู่พุทธาวาส
วัดเทพธิดาราม แปลกกว่าวัดราชนัดดาราม แม้ว่าจะอยู่ใกล้เคียงกัน และสร้างสมัยเดียวกัน คือพระอุโบสถใหญ่ ตั้งตรงกลางหันหน้าออกสู่คลองรอบกรุง ประจันหน้ากับวัดสระเกศ มีพระวิหารสองหลังขนาบข้างโดยหันหน้าออกสู่คลองในแนวเดียวกัน เป็นทำนองแถวหน้ากระดาน ผิดกับวัดราชนัดดารามซึ่งพระอุโบสถตั้งขนานลำคลอง แต่พระวิหารสองข้างที่ขนาบด้านหน้าและด้านหลังหันออกลำคลอง
พระอุโบสถและพระวิหาร
เป็นศิลปะแบบรัชกาลที่ 3 คือก่อทรงแบบจีน มีเสาพาไลสี่เหลี่ยมรอบ หน้าบันปูนปั้น รูปนก ดอกไม้ ประดับกระเบื้องถ้วยแบบจีน ไม่มีช่อฟ้า
ผมเดินถึงพระอุโบสถ มีคณะทำบุญ จึงถือโอกาสเข้าไปนั่งสงบใจในพระอุโบสถด้วย
พระปรางค์
พระปรางค์ขนาดย่อม ประดิษฐานอยู่นอกกำแพงแก้วทั้งสี่ทิศ ประดับกระเบื้องถ้วยจีน หน้าพระปรางค์มีลานสนามหญ้ากว้างขวาง กำแพงแก้วเดิมอยู่ติดแนวกำแพงเมืองและคลองรอบกรุง ภายหลังเมื่อตัดถนนมหาไชย หน้าวัด เลียบกำแพงเมืองแล้ว จึงได้รื้อกำแพงเดิมออกและร่นเข้ามาอยู่ในแนวปัจจุบัน
ตุ๊กตาศิลาจีน
บริเวณรอบพระอุโบสถ มีตุ๊กตาศิลาจีนเป็นเครื่องประดับพระอาราม ทั้งที่เป็นรูปสัตว์และคน ตุ๊กตารูปคนบางตัวมีลักษณะท่าทางและการแต่งกายแบบจีน บางตัวแต่งกายแบบไทย เช่น ตุ๊กตาสตรีชาววังนั่งพับเพียบเท้าแขน และตุ๊กตาสตรีอุ้มลูก เป็นต้น
ออกจากวัดเทพธิดาราม เดินเลาะถนนมหาไชย ถึงป้อมมหากาฬ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำเนินกลาง บริเวณนี้เรียงรายด้วยพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์หลายแห่ง อาทิ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน (Ratchadamnoen Contemporary Art Center - RCAC) หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (The Queen's Gallery) พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ตอนนี้ เดินคีบรองเท้าฟองน้ำตราสตางค์อยู่ ยังไม่ควรแวะสถานที่เหล่านี้
นิราศกรุงเทพวันนี้ ชมวัดงามสองแห่ง อนุสรณ์ความรักของรัชกาลที่ 3 แด่พระราชนัดดา และแด่พระเจ้าลูกเธอ
โลหะปราสาท วัดราชนัดดาราม เป็นโบราณสถานที่มีหนึ่งเดียว เป็นเอกลักษณ์ที่ควรเยี่ยมชมยิ่ง
วัดเทพธิดาราม หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ทั้งภายในและภายนอก ย่อมเป็นโบราณสถานที่น่าชม ด้วยสะท้อนศิลปะ สถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 3 อย่างโดดเด่น นอกจากนี้ กุฏิสุนทรภู่ก็ทรงคุณค่าทั้งเชิงกายภาพ คือเป็นที่พำนักพักพิงของท่านขณะบวชช่วงชีวิตราชการตกอับ และเชิงจินตภาพ คือเป็นที่ซึ่งท่านร้อยกรองชีวิต ความเป็นอยู่ ความเป็นไปของท่าน เกิดวรรณกรรมซึ่งยืนยงถึงปัจจุบัน
ค่ารถไปกลับ 13.00 บาท (รถเมล์เย็นฟรีหนึ่งเที่ยว)
Pierre Cardin หนึ่งคู่
ข้อมูล ค้นจาก
นำชมกรุงรัตนโกสินทร์ กองโบราณคดี กรมศิลปากร พ.ศ. 2525
th.wikipedia.org
lib.su.ac.th
ชอบมากค่ะคิดถึงสมัยเมื่อ20ปีที่แล้ว พาลูกมาเรียนพิเศษแถวนี้ ประทับใจโลหะปราสาทวัดราชนัดดามาก ขอบคุณที่ค้นคว้าเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังประกอบกับนิราศกรุงเทพได้อย่างลงตัว
ReplyDelete