February 23, 2016

Vientiane Revisited: ยามเยือนยามบ่าย: 24.11.2015

หลังจาก check-in เก็บสัมภาระที่โรงแรมเรียบร้อย ช่วงบ่ายได้เวลาสำรวจเวียงจันทน์
แม้โบราณสถานในนครหลวงนี้ถูกทำลายลงหลายครั้ง ทั้งโดยกองทัพสยามสมัยพระเจ้าตาก และรัชกาลที่ 3 รวมทั้งโดยพวกฮ่อที่เข้าปล้นเมืองในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่โบราณสถานส่วนใหญ่ได้รับการบูรณะจนมีสภาพสมบูรณ์สวยงาม
     ในยุคที่ฝรั่งเศสยึดครองลาว เวียงจันทน์ในฐานะเมืองหลวงเจริญขึ้นมาก จนเป็นเมืองที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียในยุคนั้น ปัจจุบันยังมีอาคารเก่าสถาปัตยกรรมแบบยุโรป โดยเฉพาะแถวถนนเลียบแม่น้ำโขง

จาก Mercure Hotel รถตู้เช่าเหมาแล่นไปทางตะวันออกตามถนนสามแสนไท ถนนหลักขนานกับแม่น้ำโขง แวะกินมื้อกลางวันที่ร้าน 'เฝอแซ่บ' ร้านก๋วยเตี๋ยวพื้นบ้าน อาหารอร่อย บรรยากาศคึกคัก คิดเงิน รับเงิน ทอนเงิน ทั้งเงินกีบ บาท ด่ง ดอลลาร์ รวดเร็วทันใจ และสุภาพ
     จากร้านเฝอแซ่บ ถนนสามแสนไท เลี้ยวขวาเข้าถนนล้านช้าง ถนนหลักใหญ่สุดของเวียงจันทน์ ไปเพียงหนึ่งบล็อคเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเสดถาทิลาด ตรงหัวมุมด้านซ้ายคือวัดสีสะเกด ขวามือฝั่งตรงข้ามถนนเยื้องกันคือหอพระแก้ว

หอพระแก้ว
     สร้างโดยเจ้าไชยเชษฐาธิราช (1534-1572) เมื่อปี 1561 (พ.ศ. 2104) หลังย้ายเมืองหลวงมาอยู่เวียงจันทน์ เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ซึ่งต่อมาถูกยึดโดยกองทัพเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก อัญเชิญไปยังกรุงธนบุรี เมื่อปี 1779 (พ.ศ. 2322)
     หอพระแก้วถูกกองทัพสยามทำลายในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อปี 1828 (พ.ศ. 2371) และได้รับการบูรณะครั้งหลังสุดในปี 1942 (พ.ศ. 2485) ปัจจุบันเป็นที่เก็บโบราณวัตถุซึ่งรวบรวมจากหลายแหล่ง รวมทั้งจารึกศิลาพระธาตุศรีสองรัก สัญญาไมตรีระหว่างเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งล้านช้างกับพระมหาจักรพรรดิ์แห่งอยุธยา จารึกศิลานี้ถูก Auguste Pavie กงสุลฝรั่งเศสประจำราชวังหลวงพระบางขนย้ายจากด่านซ้ายมายังเวียงจันทน์เมื่อปี 1906 ภายหลังฝรั่งเศสผนวกด่านซ้ายเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมลาวของตน
     ทุกวันนี้ หอพระแก้วปิดเพื่อบูรณะขนานใหญ่ เข้าชมไม่ได้ น่าเสียดาย เดินชมได้เพียงบริเวณภายนอก ริมรั้วด้านขวาจัดแสดงไหหิน 1 ใบ ซึ่งนำมาจากทุ่งไหหิน แขวงเชียงขวาง
     เกือบ 20 ปีก่อน ผมพาครอบครัวมาเที่ยวเวียงจันทน์ และได้เยือนหอพระแก้ว โบราณสถานที่คงบรรยากาศสมัยเก่า ภายในสะอาด สงบ ผ่อนคลาย เราพบพ่อใหญ่ผู้กระตือรือร้นเล่าประวัติศาสตร์คราวนครเวียงจันทน์ถูกกองทัพเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกแห่งกรุงธนบุรีตีแตก และเวียงจันทน์ต้องสูญเสียพระแก้วมรกตพระสำคัญคู่บ้านเมืองไป ประเด็นหลักที่พ่อใหญ่พูดกับทุกคนที่สนใจฟังคือ ความล่มสลายของล้านช้างเกิดจากการแตกแยก แตกความสามัคคี การแก่งแย่งอำนาจระหว่างหลวงพระบางและเวียงจันทน์ จนที่สุดต้องเสียเอกราชแก่ต่างด้าว พ่อใหญ่มาหอพระแก้วทุกวัน เพื่อถ่ายทอดประวัติศาสตร์แบบ communicative memory แก่คนรุ่นหลังอย่างเอาการเอางาน ลูกลูกผมซึ่งยังเด็กต่างตื่นเต้น และประทับใจกับวิธีการของท่านยิ่งนัก

วัดสีสะเกด
     สร้างโดยเจ้าอนุวงศ์ ในปี 1818 (พ.ศ. 2361) ถือเป็นวัดประจำรัชกาล
     ศิลปสถาปัตยกรรมเป็นแบบต้นรัตนโกสินทร์ ด้วยเจ้าอนุวงศ์ถูกนำตัวไปสยามในฐานะตัวประกันตั้งแต่ครั้งกองทัพกรุงธนบุรีตีเวียงจันทน์ ปี 1779 (พ.ศ. 2322) จนถึงปี 1795 (พ.ศ. 2338) เจ้าอนุวงศ์จึงได้กลับเวียงจันทน์ในฐานะอุปราชของเจ้าอินทวงศ์ พระเชษฐา และต่อมาได้ครองเวียงจันทน์ เมื่อปี 1805 (พ.ศ. 2348) ภายหลังเจ้าอินทวงศ์สิ้นพระชนม์ ห้วงเวลา 16 ปีที่เจ้าอนุวงศ์อยู่ในสยาม ทำให้โปรดศิลปะแบบดังกล่าว
     วัดสีสะเกดมีระเบียงคดโดยรอบ สิมมีหลังคาสองชั้นลด และชายคาอีกหนึ่งชั้น รับด้วยเสาสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง มีบัวหัวเสาลวดลายอ่อนช้อย และ 'แขนนาง' (ศิลปะไทยเรียก 'คันทวย') แกะสลักเป็นรูปนาคยื่นรับหลังคา ตรงกลางสันหลังคาเป็น 'ช่อฟ้า' รูปฉัตร มีหงส์ขนาบหน้าหลังฉัตรข้างละตัว 'ช่อฟ้า' กลางสันหลังคาเช่นนี้เป็นลักษณะจำเพาะของศิลปะวัดลาว ผนังระเบียงคดและผนังภายในสิมเจาะเป็นซุ้มเล็กๆ จำนวนมาก สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปถึง 6,840 องค์ นอกจากนี้ ยังมีโบราณวัตถุสำคัญคือราวเทียนไม้ แกะเป็นรูปนาคสองตัว ฝีมือวิจิตร
     บริเวณวัดสงบ ร่มเย็น
     วัดสีสะเกดเป็นวัดเดียวในเวียงจันทน์ที่ไม่ถูกเผาเมื่อปี 1828 (พ.ศ. 2371) ครั้งรัชกาลที่ 3 รับสั่งให้กองทัพสยามซึ่งนำโดยพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) (ต่อมาเลื่อนเป็นเจ้าพระยาบดินทรเดชา) ไปทำลายเวียงจันทน์ให้ราบ ต่อกรณี 'กบฏเจ้าอนุวงศ์' (ลาวเรียก 'สงครามกู้เอกราชของเจ้าอนุวงศ์') ชะรอยศิลปสถาปัตยกรรมแบบต้นรัตนโกสินทร์อันงดงามของวัด เป็นสิ่งยับยั้งรั้งมือเผาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม แผ่นป้ายจารึกประวัติวัดสีสะเกดตรงทางเข้า เขียนไว้ อ่านเป็นภาษาไทยได้ดังนี้
     'วัดนี้ เอิ้นว่าวัดสีสะเกด สร้างตั้งปี ค.ศ. 1818 สมัยเจ้านามว่ากษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวังเวียงจันทน์ สร้างได้ 10 ปี ก็ถูกสงครามศักดินาต่างด้าวมารุกราน และทำลายไปพร้อมๆ กับทำลายนครเวียงจันทน์ แต่หลังสงครามผ่านพ้นไป ประชาชนลาวก็ได้พร้อมกันฟื้นฟูบูรณะวัดนี้ให้คืนดีดังเก่า ได้รักษารูปลักษณะการก่อสร้างเดิมไว้ทุกอย่าง ต่อมาถึงปี 1935 ก็ได้มีการบูรณะรูปศิลปะไว้อย่างเก่า ดังเฮาเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้'

จากวัดสีสะเกด รถแล่นไปตามถนนล้านช้าง ราว 1 กิโลเมตรเศษ ถึงจัตุรัสประตูชัย ถนนล้านช้างแยกออกเป็นสองสายขนาบข้างลานประตูชัย เลยไปตรงช่วงกลางเป็นลานจอดรถ ถัดไปอีกราว 400 เมตร เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ พ้นจากสวนสาธารณะ ถนนกางออกเป็นสามสาย ตรงกลางคือถนนไกสอน พมวิหาน ด้านขวาคือถนน 23 สิงหา ภูมิทัศน์รวมของจัตุรัสประตูชัยดูสง่างามยิ่ง

ประตูชัย
     สร้างเสร็จในปี 1962 เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้สละชีวิตในการต่อสู้เพื่อเอกราชจากอาณานิคมฝรั่งเศส รูปลักษณ์ภายนอกคล้าย Arc de Triomphe กรุงปารีส แต่ประตูชัยมีช่องประตูทั้ง 4 ด้าน ลวดลายปูนปั้นและการตกแต่งเป็นศิลปะลาว จึงมีลักษณะผสมผสานตะวันออกกับตะวันตก
     แสงแดดยามบ่ายทอดเงาให้ประตูชัยน่าสนใจยิ่งขึ้น เราจึงเดินเล่นกันพักใหญ่

ย้อนกลับตามถนนล้านช้าง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเสดถาทิลาด ไปจนบรรจบกับถนนสามแสนไท ตรงมุมสามเหลี่ยมนั้นคือวัดสีเมือง สิมทาสีเหลืองสดใส บานประตู หน้าต่าง เหล็กดัด ลวดลายฉูดฉาด มีชีวิตชีวา ภายนอกสิมยังมีพระพุทธรูปเรียงรายเป็นแถว ตรงลานโพธิ์มีพระปางนาคปรกงดงามประดิษฐานอยู่ ชาวบ้านมาทำบุญ ไหว้พระ กันคลาคล่ำ บรรยากาศยามเย็นคึกคัก
     จากวัดสีเมือง ย้อนกลับทางตะวันตกตามถนนเสดถาทิลาด ไปยังวัดองค์ตื้อ วัดเก่าแก่ของเวียงจันทน์ สร้างเมื่อปี 1560 เป็นที่ประดิษฐาน 'พระเจ้าองค์ตื้อ' พระพุทธรูปหล่อองค์ใหญ่ที่สุดของเมือง สร้างโดยเจ้าไชยเชษฐาธิราช 'ตื้อ' หมายถึงน้ำหนัก 12 ตัน
     ที่วัดองค์ตื้อกำลังมีพิธีสวดพระศพพระอาจารย์ใหญ่ ดร. มหาผ่อง ปิยะทีโร (สะมาเลิก) ประธานองค์การพุทธศาสนาสัมพันธ์ลาว (พระสังฆราชองค์ที่ 4 ของลาว) อดีตเจ้าอาวาสวัดองค์ตื้อ ผู้เป็นที่นับถือของชาวพุทธทั้งสองฝั่งโขง ท่านละสังขารเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2558 เวลา 17.11 น. สิริรวมอายุ 100 ปี 6 เดือน 81 พรรษา พิธีถวายเพลิงพระศพกำหนดไว้วันที่ 20 ธันวาคม 2558 ณ วัดธาตุหลวง
     จากวัดองค์ตื้อ รถแล่นตัดลงไปจอดยังถนนริมโขง ท้องฟ้าสีทองยามอาทิตย์อัสดงสะท้อนน้ำงดงามนัก ลมพัดเย็นสบาย แต่น่าตกใจที่น้ำโขงฝั่งลาวแห้งขอด เห็นดินท้องน้ำแตกระแหงไปถึงครึ่งความกว้างแม่น้ำ ทั้งที่เดือนนี้ควรเป็นฤดูน้ำหลาก เขื่อนจำนวนมากทางตอนเหนือของแม่โขงสำแดงเดชรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
     เรากินมื้อค่ำที่ร้านริมโขง หนึ่งในบรรดาซึ่งเรียงรายไปตลอดความยาวของถนน
     หลังอาหาร ไปต่อที่วัดธาตุหลวง...
 
ธาตุหลวง
     เจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงสร้างธาตุหลวงเมื่อปี 1566 (พ.ศ. 2109) โดยสร้างครอบองค์พระธาตุศรีธรรมาโศก ซึ่งเป็นพระธาตุเก่าแก่ตั้งแต่ยุคอาณาจักรศรีโคตรบอง ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ยอดพระธาตุสูงถึง 45 เมตร สูงเหนือยอดไม้ทุกต้น ทำให้มองเห็นพระธาตุนี้ได้แต่ไกล มีพระธาตุองค์เล็กล้อมรอบอีก 30 องค์ ธาตุหลวงเป็นศาสนสถานสำคัญคู่เมืองเวียงจันทน์มาเกือบ 450 ปี
     ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี เป็นวัน 'บุญธาตุหลวง' งานใหญ่ของเวียงจันทน์ ชาวลาวจากเมืองต่างๆ จะมาทำบุญฉลององค์พระธาตุกันเนืองแน่น
     บุญธาตุหลวงปีนี้ เริ่มมาแต่เมื่อวาน วันนี้ขึ้น 14 ค่ำ พรุ่งนี้ขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันสุดท้ายของงาน ถนนรอบธาตุหลวงปิด ไม่ให้รถผ่าน เราเดินเข้าทางด้านหน้า ผ่านอนุสาวรีย์เจ้าไชยเชษฐาธิราชประทับนั่งบนพระแท่น มือทั้งสองกุมดาบที่วางบนตัก พระรูปเด่นอยู่หน้าธาตุหลวง
     ผู้คนแต่งกายเรียบร้อย เดินเวียนเทียนรอบพระธาตุ ไม่ขาดสาย ด้วยคนจำนวนมาก
     บริเวณโดยรอบคึกคัก ร้านค้า ร้านอาหารเพียบ

บ่ายถึงค่ำวันนี้ ได้สำรวจสถานที่สำคัญของนครหลวงเวียงจันทน์ หลายแห่งในกาลพิเศษที่มิได้คาดหมายล่วงหน้า
เรากลับถึง Mercure Hotel เวลา 22.00 น.


ข้อมูลค้นจาก
     ศรัณย์ บุญประเสริฐ. คู่มือนำเที่ยวหลวงพระบาง. สำนักพิมพ์สารคดี. 2549.
     wikipedia.org
     wikitravel.org




   



1 comment:

  1. อนุโมทนาสาธุกับบุญที่ได้พาชมสถานที่สำคัญของพุทธศาสนาในนครเวียงจันทน์โดยท่านผู้เขียนเป็นคริสเตียน ขอบคุณที่นำประวัติศาสตร์และความงดงามของสถาปัตยกรรมที่งดงามมาเล่าสู่กันฟังอย่างละเมียดละไม ลึกซึ้งแบะเข้าถึงมากกว่าเราผู้เป็นพุทธศาสน์ชน.. กราบคารวะท่านผู้เขียนจากใจจริงๆค่ะ

    ReplyDelete