ช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่ 2 อิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์ขยายตัว สร้างความประหวั่นแก่สหรัฐอเมริกา จนเกิดทฤษฎีโดมิโน (The Domino Theory) ซึ่งเสนอโดยฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาสมัยประธานาธิบดี Harry S. Truman เมื่อ Ho Chi Minh ประกาศเอกราชไม่ยอมเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสในวันที่ 2 กันยายน 1945 ณ จัตุรัส Ba Dinh กรุง Hanoi ต่อหน้าฝูงชนกว่า 400,000 คน
สหรัฐอเมริกาส่งอาวุธยุทโธปกรณ์สนับสนุนฝรั่งเศสที่เพิ่งฟื้นจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และกลับเข้ามายึดครองอินโดจีนต่อ อันนำไปสู่สงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่ง (1946-1954) อุตสาหกรรมอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วและสร้างรายได้มหาศาลให้สหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นแรงจูงใจสำคัญ ดังนั้นกว่าร้อยละ 80 ของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ฝรั่งเศสใช้ในสงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่งนี้ จึงมาจากสหรัฐอเมริกา
ความปราชัยหมดรูปของฝรั่งเศสที่ Dien Bien Phu (1954) ทำให้ประธานาธิบดี Dwight D. Eisenhower ประกาศว่านี่เป็น 'falling domino' สำทับการเข้าแทรกแซงเต็มรูปแบบของสหรัฐอเมริกา สวมรอยฝรั่งเศสที่จำต้องถอนตัวออกไปจากอินโดจีน
นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาเลือกไม่ลงนามรับรอง Geneva Accords โดยให้คณะผู้แทนของตนนำโดย John Foster Dulles รัฐมนตรีต่างประเทศ ลุกออกจากที่ประชุม (walk out) เพื่อที่ตนจะไม่ต้องผูกพันปฏิบัติตามข้อตกลง
Geneva Accords วางเงื่อนไขให้มีการเจรจารวมลาวในวันที่ 21 พฤศจิกายน 1954 สหรัฐอเมริกาเข้าแทรกแซงหนุนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่นิยมตนขึ้นที่เวียงจันทน์ มีกระต่ายเป็นนายกรัฐมนตรี กลางปี 1955 รัฐบาลดังกล่าวระดมทหารจำนวนมากบุกโจมตีแขวงพงสาลีและซำเหนือ ที่ตั้งของแนวลาวอิสระ และปราบปรามประชาชนที่ต่อต้านทั้ง 10 แขวง ฝ่ายแนวลาวอิสระปลุกระดมการลุกขึ้นของประชาชนทั้ง 10 แขวง อย่างกว้างขวาง จัดตั้งแนวร่วมเอกภาพในชื่อ 'แนวลาวรักชาติ' เมื่อวันที่ 6 มกราคม 1956 การต่อสู้ทั้งทางทหารและทางการเมืองของสองฝ่ายไม่อาจเอาแพ้ชนะกันได้ ที่สุดจึงนำสู่การเจรจาและลงนาม 'สัญญาเวียงจันทน์' ในวันที่ 22 ตุลาคม 1957 สาระสำคัญให้ยุติการรบราฆ่าฟันกัน ให้ลาวมีสันติภาพ เป็นกลาง รับรู้ฐานะของแนวลาวรักชาติ จัดตั้งรัฐบาลผสมโดยมีผู้แทนแนวลาวรักชาติเข้าร่วม
ภายหลังการลงนามสัญญาเวียงจันทน์ไม่ถึง 1 ปี และการจัดตั้งรัฐบาลผสมไม่นาน สหรัฐอเมริกาใช้วิธีตัดงบความช่วยเหลือที่เคยให้ ลดค่าเงินกีบโดยปรับอัตราแลกเปลี่ยนกับดอลลาร์ กดดันทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ จนเจ้าสุวรรณภูมา นายกรัฐมนตรี ต้องลาออกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 1958
สหรัฐอเมริกาหนุนการตั้งรัฐบาลใหม่ มี ผุย ชะนะนิกอน เป็นนายกรัฐมนตรี ขยายการปราบปรามฝ่ายต่อต้าน และจับกุมเจ้าสุภานุวงศ์กับพวกผู้นำแนวลาวรักชาติ รวม 16 คน ไปขังที่คุกโพนเค็ง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 1959 ทำให้เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเพิ่มขึ้น ปลายปี 1959 ประชาชน 20,000 คนในเวียงจันทน์ร่วมชุมนุมประท้วง Dag Hammarskjold เลขาธิการสหประชาชาติเดินทางมาสังเกตการณ์และกล่าวประณามการกระทำของรัฐบาลลาว ต่อมาวันที่ 23 พฤษภาคม 1960 สารวัตรทหารที่คุมคุกโพนเค็ง แปรพักตร์ปล่อยเจ้าสุภานุวงศ์กับพวก หนีจากคุกได้สำเร็จ
วันที่ 9 สิงหาคม 1960 ทหารพลร่มทำรัฐประหารล้มรัฐบาลเจ้าสมสนิท และยึดเวียงจันทน์ไว้
วันที่ 13 ธันวาคม 1960 พูมี หน่อสะหวัน ผู้บัญชาการทหารในรัฐบาลเจ้าสมสนิท นำกองทหารบุกโจมตีเวียงจันทน์ โดยได้รับกำลังสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา และไทย (รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพูมี หน่อสะหวัน) รวมทั้งเครื่องบินทิ้งระเบิด ชาวเวียงจันทน์ล้มตายกว่า 500 คน ฝ่ายรัฐประหารต้านทานไม่ไหว ต้องถอนออกจากเวียงจันทน์ไปร่วมกับแนวลาวรักชาติที่ทุ่งไหหิน เชียงขวาง
นับแต่ต้นทศวรรษ 1960 สถานการณ์ในลาวทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มหาอำนาจทั้งฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ต่างแทรกแซงหนุนฝ่ายของตนในลาว บ้านเมืองไร้เสถียรภาพ ไร้ความสงบสุข
ผู้แทนสามฝ่ายการเมืองในลาวได้แก่ ฝ่ายเป็นกลาง-เจ้าสุวรรณภูมา ฝ่ายซ้าย-เจ้าสุภานุวงศ์ และฝ่ายขวา-เจ้าบุญอุ้ม เปิดการเจรจาเพื่อให้มีการหยุดยิง เมื่อวันที่ 13-17 พฤษภาคม 1961 ที่บ้านนามอน, วันที่ 19-22 มิถุนายน 1961 ที่ Zurich, วันที่ 6-8 ตุลาคม 1961 ที่หินเหิบ, และวันที่ 7 มิถุนายน 1962 ที่ทุ่งไหหิน บรรลุการจัดตั้งรัฐบาลผสมโดยเจ้าสุวรรณภูมา ฝ่ายเป็นกลาง เป็นนายกรัฐมนตรี เจ้าสุภานุวงศ์ ฝ่ายซ้ายแนวลาวรักชาติ และ พูมี หน่อสะหวัน ฝ่ายขวา เป็นรองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาลใหม่ประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 1962 ที่หลวงพระบาง แต่งตั้งคณะผู้แทนเข้าร่วม Geneva Conference วันที่ 2-23 กรกฎาคม 1962 การประชุมดังกล่าวบรรลุเป้าหมาย รับรู้เอกสาร เอกภาพ อธิปไตย ความเป็นกลาง และผืนแผ่นดินอันครบถ้วนของลาว
อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาไม่ยอมเลิกรา กลับรวบรวมนายทหารฝ่ายขวาจัดตั้ง 'แนวร่วมแห่งชาติ' เพื่อดำเนินงานทางการเมือง และจัดการซ้อมรบกองทหาร SEATO ในไทยกับกองเรือที่ 7 ของตน เพื่อข่มขู่สันติภาพในลาวและอินโดจีน
พร้อมกันนั้น หน่วยข่าวกรองสหรัฐอเมริกา (CIA) ได้จัดตั้งกองกำลังพิเศษเพื่อปฏิบัติการลับสุดยอดด้วยกำลังอาวุธ มีกองบัญชาการใหญ่ ชื่อรหัส 'HQ 333' อยู่ที่ฐานทัพอากาศอุดรฯ ประเทศไทย กองกำลังพิเศษนี้ประกอบด้วยกองทหารเสือพรานของไทย จำนวน 36 กองพัน มีพันโทวิฑูรย์ ยะสวัสดิ์ ชื่อรหัส 'เทพ 333' เป็นผู้บัญชาการ ร่วมรบกับลาวฝ่ายขวาในดินแดนลาว นัยเพื่อป้องกันการแผ่อิทธิพลคอมมิวนิสต์เข้ามายังดินแดนประเทศไทย ตามนโยบาย 'รบนอกบ้าน' ของรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ภารกิจนี้เป็นราชการลับสุดยอด ทหารจึงต้องลงนามลาออกจากราชการก่อน เพื่อไม่ให้มีความเกี่ยวข้องกับทางการหากภารกิจถูกเปิดเผย หรือหากบาดเจ็บเสียชีวิตในการรบ งบประมาณทั้งหมดเป็นของ CIA สถานภาพของทหารเหล่านี้จึงเสมือนเป็นทหารรับจ้าง (mercenaries)
นอกจากนี้ CIA ได้แต่งตั้งวังเปาเป็นผู้บัญชาการกองกำลังชาวม้งในลาว ทำหน้าที่โจมตีเขตปลดปล่อย ทำลายเส้นทางคมนาคม สอดแนม และสังหารฝ่ายตรงข้าม
วันที่ 19 เมษายน 1964 กำลังฝ่ายขวาโดยการหนุนของสหรัฐอเมริกาทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลผสม
วันที่ 17 พฤษภาคม 1964 ประธานาธิบดี Lyndon B. Johnson สั่งใช้กำลังทัพอากาศสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดและยิงทำลายเขตปลดปล่อยเป็นครั้งแรก ถือเป็นการรุกรานทางทหารโดยตรงในสงครามที่ไม่ประกาศ และเพิ่มอาวุธยุทธภัณฑ์แก่กองทหารฝ่ายขวา การกระทำดังกล่าวของสหรัฐอเมริกา จงใจละเมิด Geneva Accords 1954 และ 1962
ตั้งแต่กลางปี 1964 สหรัฐอเมริกาเปิดแนวรบใหญ่โดยใช้ทหารฝ่ายขวา ทหารม้งของวังเปา และทหารรับจ้างไทย สมทบกับเครื่องบินทิ้งระเบิดจากฐานบินในไทยและจากกองเรือที่ 7 การรบขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ
มีนาคม 1968 แนวลาวรักชาติแขวงหัวพันเริ่มโจมตีป้อมภูผาที ฐานเรดาร์สำคัญของสหรัฐอเมริกาในการบัญชาการเครื่องบินทิ้งระเบิดทั่วเขตภาคเหนือของลาวและเวียดนาม ป้อมภูผาทีมีระบบป้องกันแน่นหนา มีกำลังพลถึง 16 กองพัน
เมษายน 1968 ร้อยเอกจำลอง ศรีเมือง ชื่อรหัส 'โยธิน' ประจำการอยู่บนภูผาทีในฐานะหัวหน้าทีม Z-16 ค่ำวันหนึ่งกองทหารแนวลาวรักชาติบุกขึ้นมาทางด้านที่ทหารม้งดูแล เกิดการปะทะอย่างหนัก ทหารม้งเสียชีวิตไปราว 200 นาย ช่างเทคนิคเสียชีวิตราว 20 คน ทหารที่บุกขึ้นมารุกคืบมาจนปะทะกับทีม Z-16 ด้วย แต่ทีม Z-16 ไม่มีใครเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ เช้ารุ่งขึ้น หน่วยเหนือสั่งให้ถอนกำลังลงจากภูผาทีทั้งหมด 'โยธิน' บันทึกเหตุการณ์นี้ในภายหลังว่า หัวหน้าบอกเขา หากนี่มิใช่ราชการลับ จะเสนอขอเหรียญกล้าหาญชั้นหนึ่งให้ อย่างไรก็ตาม 'โยธิน' ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น 'วีรบุรุษภูผาที'!
วันที่ 22 มกราคม 1969 ภูผาทีแตก ฐานเรดาร์ถูกทำลาย
มีนาคม 1969 สหรัฐอเมริกาใช้ทหาร 35 กองพันและเครื่องบินสนับสนุน เปิดยุทธการ ODN บุกภูแคและเมืองเชียงขวาง แต่ถูกตีพ่ายไป
สิงหาคม 1969 เปิดยุทธการ 'กู้เกียรติ' บุกเข้าทุ่งไหหินและทั่วแขวงเชียงขวาง ใช้กำลังถึง 50 กองพัน มีทหารไทยรวมด้วยหลายกองพันและใช้กำลังทางอากาศหนุน วันหนึ่งๆ มีเครื่องบินสอดแนมหรือทิ้งระเบิดเกือบ 300 เที่ยว บางวันถึง 500 เที่ยว และเครื่อง B-52 ร่วมด้วย ยุทธการนี้เป็นการทดสอบทฤษฎีของประธานาธิบดี Richard M. Nixon ที่ว่า 'เอาคนอินโดจีนฆ่าคนอินโดจีน เอาคนลาวฆ่าคนลาว'
สิงหาคม 1970 เปิดยุทธการ 'ทะนงเกียรติ' บุกเข้าทุ่งไหหินและเชียงขวางครั้งใหม่ ใช้กำลัง 32 กองพัน
ตุลาคม 1970 ยุทธการ 'มังกรเกียรติ' กำลัง 11 กองพัน เป็นทหารไทย 4 กองพัน บุกเมืองพีน แขวงสะหวันนะเขต
มกราคม 1971 ยุทธการ 'ลามเซ็น 719' สหรัฐอเมริกาบุกโจมตีทางหมายเลข 9 เพื่อหวังตัดทำลาย Ho Chi Minh Trail ใช้กำลังถึง 45,000 นาย B-52 100 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 800 ลำ เครื่องบินสู้รบสอดแนม 1,500 ลำ ปืนใหญ่ รถหุ้มเกราะ และรถถัง จำนวนมาก เปิดศึกตั้งแต่เซโน ไปตามทางหมายเลข 9 และจากปากเซไปหาภูเพียงบอละเวน
กุมภาพันธ์ 1971 ยุทธการ 'HQ 333' บุกทุ่งไหหิน แบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะที่หนึ่ง 2 กพ.-10 มีค. ใช้ทหารไทยหลายสิบกองพัน ระยะที่สอง 2 มิย.-22 ธค. ใช้ทหาร 40 กองพันกับทหารไทยอีก 11 กองพัน
มีนาคม 1972 ยุทธการ 'สินไชย' กำลัง 2 กรมรุกเข้าบอละเวน และยุทธการ 'ฟ้างุ้ม' กำลัง 3 กรมเข้าเขตสาละวัน
สิงหาคม1972 ยุทธการ 'ตุลา' กำลัง 46 กองพัน เป็นทหารไทย 10 กองพัน รบที่ทุ่งไหหิน เชียงขวาง และยุทธการ 'สิงห์ดำ' กำลัง 7,000 นาย รบที่เซโดน
ตุลาคม 1972 ยุทธการ 'ประสานตุลา' กำลัง 30 กองพันบุกเข้าแขวงสาละวัน
พฤศจิกายน 1972 ยุทธการ 'แดนดิน' กำลัง 5,000 นาย รบที่แขวงหลวงพระบาง
แต่ละแนวรบ ฝ่ายสหรัฐอเมริกาสูญเสียกำลังทหารจำนวนมาก แนวลาวรักชาติเป็นฝ่ายมีชัย ขยายเขตปลดปล่อยออกไปได้หลายแห่ง ที่ซำทองและล่องแจ้ง กองทหารม้งของวังเปาสูญเสียกำลังพลมากจนไม่อาจสนองแผนการของสหรัฐอเมริกาได้อีก
เริ่มแต่สหรัฐอเมริกาเปิดสงครามเมื่อปี 1964-1973 เครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มแผ่นดินลาว โดยเฉพาะเขตปลดปล่อยซึ่งคลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศอย่างหนัก B-52 ทิ้งระเบิดเฉลี่ยทุก 8 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง น้ำหนักระเบิดรวมทั้งสิ้นกว่า 2 ล้านตัน ร้อยละ 30 ของจำนวนนี้ไม่ระเบิด ยังคงเป็นอันตรายถึงทุกวันนี้ นอกจากระเบิด สหรัฐอเมริกายังใช้ Agent Orange สารเคมีพิษโปรยลงเขตปลดปล่อย เช่นที่กระทำในเวียดนามด้วย
สหรัฐอเมริกาปราชัยอย่างหนักทางด้านการทหารในอินโดจีนและโดดเดี่ยวทางด้านการเมือง ที่สุดต้องยอมเซ็น Paris Peace Accord เมื่อวันที่ 27 มกราคม 1973 เกี่ยวกับเวียดนาม และยอมให้ลาวฝ่ายขวาเซ็นสัญญาสงบศึกกับแนวลาวรักชาติ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1973
แม้มีสัญญาสงบศึกแล้ว สหรัฐอเมริกายังสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มทำรัฐประหารในวันที่ 20 สิงหาคม 1973 หากแต่ไม่สำเร็จ การเจรจาดำเนินต่อไปถึงวันที่ 14 กันยายน 1973 จึงได้เซ็นอนุสัญญากัน
วันที่ 3 เมษายน 1974 เจ้าสุภานุวงศ์เดินทางจากเมืองเวียงไชยมายังเวียงจันทน์ เพื่อเตรียมจัดตั้งรัฐบาลผสมและคณะมนตรีผสมการเมืองแห่งชาติ
วันที่ 5 เมษายน 1974 จัดตั้งรัฐบาลผสม มีเจ้าสุวรรณภูมาเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนคณะมนตรีผสมการเมืองแห่งชาติ มีเจ้าสุภานุวงศ์เป็นประธาน
หลังจากนั้น การลุกฮือของประชาชน และการปะทะกันของสองฝ่าย ยังคงระเบิดขึ้นในที่ต่างๆ จนเมื่อกัมพูชาได้รับชัยชนะในวันที่ 17 เมษายน 1975 และเวียดนามปลดปล่อยภาคใต้ได้ในวันที่ 30 เมษายน 1975 มหาอำนาจสหรัฐอเมริกาต้องถอนกำลังหนีกลับอย่างฉุกละหุก เป็นกาลเหมาะสมแก่การยึดอำนาจของแนวลาวรักชาติ
วันที่ 23 สิงหาคม 1975 ศูนย์กลางพรรคปฏิวัติประชาชนลาว จัดพิธียึดอำนาจแห่งสุดท้ายที่นครหลวงเวียงจันทน์ ท่ามกลางชุมนุมชนกว่า 300,000 คน
วันที่ 1 ธันวาคม 1975 ผู้แทนประชาชนทุกเขตแขวงทั่วประเทศประชุมที่นครหลวงเวียงจันทน์ ที่ประชุมรับรองใบลาออกจากราชบัลลังก์ของเจ้าชีวิตศรีสว่างวัฒนา ประกาศยุบรัฐบาลผสมและคณะมนตรีผสมการเมืองแห่งชาติ ลงมติรับรองธงชาติ เพลงชาติ ภาษาชาติ และประกาศเป็นประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แต่งตั้งเจ้าสุภานุวงศ์เป็นประธานประเทศ แต่งตั้งรัฐบาลโดยท่านไกสอน พมวิหาน เป็นนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งสภาประชาชนสูงสุดโดยเจ้าสุภานุวงศ์เป็นประธาน
วันที่ 2 ธันวาคม 1975 ประกาศสถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นขีดหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติลาว ลาวที่หลุดพ้นจากระบอบศักดินา ประเทศราช อาณานิคม และสงคราม กลายเป็นประเทศเอกราชประชาธิปไตยอย่างแท้จริง วันที่ 2 ธันวาคม 1975 วันชาติลาว ...'น้ำใจ วันชาติที่ 2 ธันวา มั่นยืน'...
อาณาจักรล้านช้าง อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่กว่า 350 ปี (1353-1707) ตกเป็นประเทศราชของสยามกว่า 110 ปี (1779-1893) ถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมกว่า 60 ปี (1893-1954) และต้องต่อสู้ในสงครามที่ไม่ประกาศกับสหรัฐอเมริกาอีกกว่า 20 ปี (1954-1975) วันนี้ประเทศลาวที่เป็นเอกราชเพิ่งมีอายุเพียง 40 ปี
แม้ความผูกพันพี่น้องของประชาชนสองฝั่งโขงเป็นความจริงทั้งเชิงประวัติศาสตร์และพันธุศาสตร์ แต่ความสัมพันธ์ของรัฐสองฝั่งโขง กลับไม่อาจเรียกขาน 'บ้านพี่เมืองน้อง' ด้วยการกระทำของรัฐหนึ่งต่ออีกรัฐหนึ่งตลอดสองศตวรรษที่ผ่านมา ไม่เป็นแม้แต่ 'เพื่อนบ้าน' ที่ดีต่อกัน
ข้อมูลค้นจาก
สมชาย นิลอาธิ (ถอดความ). ประวัติศาสตร์ฉบับกระทรวงศึกษาธิการฯ ลาว. สำนักพิมพ์มติชน. 2545.
wikipedia.org
hfocus.org
thaiairsoftgun.com
cia.gov
Vietnam. National Geographic Traveler. 2006.
เพิ่งรู้ที่มาของ ..วีรบุรุษภูภาที.. คราวนี้เอง ลาวผ่านวิกฤตสงคราม ความสูญเสีย ความบอบช้ำมามากมาย กว่าจะได้เป็นประเทศเอกราชได้40ปีย้อนหลัง ต้องขอชื่นชมกับผู้นำทุกคนที่ร่วมฝ่าฟันสถานการณ์อันหนักหน่วงมาสู่ความเป็นปัจจุบันนี้ได้ คำว่าบ้านพี่เมืองน้อง.. ในความหมายที่ผู้เขียนสรุปให้นั้นถูกต้องจริงๆ ...มันบาดลึกในความรู้สึกและความทรงจำตลอดกาล... ขอบคุณมากค่ะ
ReplyDelete