May 22, 2015

Ubon Revisited: ภูเพียงบอละเวน: 12.03.2015

ยามเช้าที่เขื่อน อากาศปลอดโปร่ง หลังอาหาร มีเวลาเดินเล่นอีกครู่ใหญ่
วันนี้เราจะไปเยือนที่ราบสูงบอละเวน แขวงจำปาสัก ประเทศลาว และกลับมาพักค้างคืนที่โขงเจียม
8.30 น. ออกเดินทางไปด่านช่องเม็ก ราว 20 นาทีก็ถึง คนรอผ่านแดนไม่มาก แต่พิธีการใช้เวลาพอควร ขนาดบริษัททัวร์ซึ่งรู้ขั้นตอน ทำอยู่ทุกวัน ยังเป็นแบบนี้ เมื่อเอกสารเรียบร้อย รถและคนต้องแยกไปคนละทาง รถแล่นตามถนนข้ามไปยังด่านวังเต่า ประเทศลาว ส่วนคนต้องเดินผ่านทางอุโมงค์จากด่านช่องเม็กลอดใต้ถนนไปโผล่ที่ด่านวังเต่า ตรวจคนเข้าเมือง แล้วจึงไปขึ้นรถที่ข้ามไปรออยู่...

อ้อด (นางวไลวัน) ไกด์ลาว มาขึ้นรถด้วย กฎหมายท่องเที่ยวบ้านเมืองไหนๆ ก็บังคับให้ทัวร์กลุ่มต่างชาติต้องมีไกด์ท้องถิ่นนำทั้งนั้น ยกเว้นเมืองไทย
อ้อดแนะนำตัว คำนำหน้าหญิงใช้ 'นาง' คำเดียว ไม่แจกแจงว่าแต่งงานหรือยัง ยุติธรรมดี
ภาษาที่ใช้บรรยาย ไทยสลับลาว ด้วยสมาชิกในคณะของเรา เว่าลาว ได้เกินครึ่ง

จากด่านวังเต่า รถแล่นไปตามทางหลวง 16W ผ่านเมืองโพนทอง แหล่งปลูกข้าว เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของแขวงจำปาสัก ร่ำลือว่า 'ข้าวขาว สาวงาม'
    ระหว่างทางผ่านโรงเรียนหลายแห่ง ระบบการเรียนแบ่งเป็น ชั้นประถม 5 ปี มัธยม 7 ปี เรียน 2 เทอม เทอมต้น: กันยายน-มกราคม เทอมปลาย: กุมภาพันธ์-พฤษภาคม ปิดเทอม: มิถุนายน-สิงหาคม ช่วงหน้าฝน นักเรียนจะได้ช่วยพ่อแม่ทำนาทำไร่ ชั้นอุดมศึกษามีมหาวิทยาลัยจำปาสักอยู่ที่เมืองปากเซ
    จากโพนทองราว 20 นาที ถึงแม่น้ำโขง ข้ามสะพานมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น (2545) เข้าเมืองปากเซ เมืองหลวงของแขวงจำปาสัก ตรงเชิงสะพานด้านซ้าย มีคฤหาสน์ใหญ่ กำลังก่อสร้าง สถาปัตยกรรมผสมผสานจากปราสาทราชวังในยุโรป ตั้งเด่นริมน้ำ อ้อดบอกว่าเจ้าของคือแม่ดาวเฮือง นักธุรกิจใหญ่แห่งปากเซ ลงสะพานเลี้ยวไปทางขวาเป็นท่าจอดรถ ตลาดดาวเฮืองขายของหลากหลาย คึกคักแบบตลาดชายแดน ร้านกาแฟดาว ร้านอาหารดาวเฮือง อยู่รอบท่ารถ อ้อดเล่าว่าแม่ดาวเฮืองเป็นคนเวียดนามอพยพมาลาวเมื่อ 40 ปีก่อน ผมคะเนเวลา หากข้อมูลของอ้อดถูกต้อง น่าจะเป็นช่วงที่ไซ่ง่อนแตก พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975)
    ธุรกิจสำคัญของกลุ่มดาวเฮืองคือกาแฟดาว ที่ราบสูงบอละเวน แขวงจำปาสัก เป็นแหล่งปลูกกาแฟคุณภาพเยี่ยม แน่นอนว่ากลุ่มดาวเฮืองย่อมเป็นเจ้าของ เป็นผู้ดูแลกระบวนการทั้งหมดครบวงจร ตั้งแต่ต้นทางไร่กาแฟ จนถึงปลายทางร้านกาแฟและซุปเปอร์มาร์เก็ต ปัจจุบันกาแฟดาวไม่เพียงส่งผลิตภัณฑ์ไปขายยังต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น ไทย แต่ตั้งโรงคั่วบดเมล็ดกาแฟด้วย ข้อน่าสังเกตอีกประการคือกลุ่มดาวเฮืองเลือกจ้างพนักงานชาวเวียดนามเป็นหลัก
    เมืองปากเซ มีแม่น้ำเซโดนไหลผ่านและไหลลงแม่โขงที่นี่ เมืองจึงชื่อ 'ปากเซ'
    เราเดินทางต่อไปยังจุดหมายคือเมืองปากซอง อาณาบริเวณนี้เรียกว่า 'ภูเพียงบอละเวน' บอละเวนเป็นคำลาวแปลว่า 'ที่ราบสูงขึ้นไปเรื่อยๆ' ความสูง 1,000-1,350 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีแม่น้ำไหลผ่านหลายสายและมีน้ำตกงดงามมากมาย เป็นที่อยู่ของชนเผ่าต่างๆ ที่รวมเรียกว่า 'ลาวเทิง'
    ประวัติศาสตร์สำคัญของที่ราบสูงบอละเวนอาจแบ่งได้เป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงลาวเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ช่วงกบฏผู้มีบุญ และช่วงสงครามเวียดนาม
    พ.ศ. 2436 (ค.ศ. 1893) ฝรั่งเศสยึดดินแดนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขง และผนวกเพิ่มดินแดนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำโขงในปี พ.ศ. 2447 (ค.ศ. 1904) และ พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) ดินแดนเหล่านี้เดิมเป็นประเทศราชของสยาม พวกฝรั่งเศสทดลองปลูกกาแฟและยางพารา การปลูกกาแฟประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ด้วยพื้นที่นี้อากาศเย็นและฝนตกชุก ผลิตผลเป็นกาแฟชั้นดี พันธุ์ Arabica และ Robusta ปัจจุบันกาแฟเกือบทั้งหมดของลาวปลูกบนที่ราบสูงบอละเวน แขวงจำปาสัก
    พ.ศ. 2444 (ค.ศ. 1901) ลาวเทิงลุกขึ้นต่อต้านเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส ผสมโรงไปกับ 'กบฏผู้มีบุญ' ที่ชาวบ้านอีสานของไทยลุกฮือขึ้นพร้อมกันหลายแห่ง ต่อต้านอำนาจรวมศูนย์ของสยามเช่นกัน การดิ้นรนเพื่อปลดแอกนี้ถูกปราบปรามลงเมื่อ พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) แม้ลาวเทิงไม่อาจโค่นล้มเจ้าอาณานิคมลงได้ แต่จิตวิญญาณที่ต้องการเป็นไทเป็นที่ประจักษ์
    ระหว่างสงครามเวียดนาม ที่ราบสูงบอละเวนถูกกองทัพสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดหนักหนาที่สุดแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะช่วงปลายทศวรรษ 1960 บริเวณนี้ถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ ด้วย Ho Chi Minh Trail ผ่านเข้ามาทางตะวันออกของบอละเวน ทหารอเมริกันและทหารเวียดนามเหนือต่างพยายามยึดพื้นที่ดังกล่าว กับระเบิดและระเบิดที่ยังไม่ระเบิดจำนวนมากจึงยังคงเป็นอันตรายจนถึงทุกวันนี้
    ปัจจุบัน รายได้สำคัญของบอละเวน มาจากการทำไร่กาแฟ และการท่องเที่ยว ป่าไม้ น้ำตก และวิถีชนเผ่า ล้วนดึงดูดนักเดินทางให้มาเยือน
    วันนี้เราจะไปชมน้ำตก 3 แห่ง ได้แก่ ตาดเยือง ตาดฟาน และตาดผาส่วม แต่ละแห่งห่างกันใช้เวลาเดินทางราว 15-20 นาที

ตาดเยือง
    ตาดแปลว่าน้ำตก เยืองคือเลียงผา
    อากาศที่นี่เย็นสบาย แม้ว่าเข้าหน้าร้อนแล้ว พื้นที่สูงและป่าไม้สมบูรณ์โดยรอบเป็นปัจจัยสำคัญ
    เราเดินตามทางเลาะเขาจากด้านข้างน้ำตกลงไป อ้อมโค้งสู่ด้านหน้า มีจุดพักชมระดับต่างๆ ตรงข้ามน้ำตก ขณะอยู่ด้านบนจึงมองเห็นธารน้ำจากเขาด้านซ้ายไหลมาถึงหน้าผา แยกเป็น 2 สาย เทลงสู่แอ่งหินลึก 45 เมตรด้านล่าง ไม่มีชะง่อนหินกีดขวาง แรงกระแทกทำให้เกิดละอองน้ำลอยอยู่ทั่วบริเวณ ยามต้องแสงแดดทำมุมเหมาะสมจะสะท้อนเป็นสายรุ้ง เมื่อลงถึงด้านล่าง มุมมองน้ำตกงดงามต่างไปอีกแบบ น้ำตกที่เทลงมาเป็น 2 สาย ดูคล้ายเขาเลียงผา จึงชื่อ 'ตาดเยือง'
    ก่อนเดินลงมา อ้อดบอกว่า ตาดเยืองมีสมญาว่า 'น้ำตกขาอ่อน สาวลาว' ขากลับจากตีนน้ำตกขึ้นไปข้างบน จึงเข้าใจสมญานี้...น้ำตกขาอ่อน (แรง)...(ต้อง) สาวราว (ขาขึ้น)

ตาดฟาน
    ฟานแปลว่าเก้ง
    ทางเข้าไปชมน้ำตกต้องผ่านตาดฟานรีสอร์ท เขาทำระเบียงกว้างด้านหน้าที่พัก เป็นที่นั่งจิบกาแฟ ชื่นชมความงามของน้ำตก ลึกจากระเบียงรีสอร์ทลงไป มีทางเดินสู่จุดชมทิวทัศน์ซึ่งเปิดมุมมองน้ำตกกว้างขวางและงดงามกว่า
    15 ปีก่อน (พ.ศ. 2543) ผมกับครอบครัวเคยมาที่ตาดฟาน ช่วงปลายเดือนตุลาคม ตอนนั้นฝนตก อากาศเย็นและชื้นมาก หมอกลงหนาทึบขาวโพลน มองไม่เห็นน้ำตกเลย ได้ยินแต่เสียงน้ำดังชัดเจน เรานั่งจิบกาแฟแก้หนาวตรงระเบียงตาดฟานรีสอร์ทนี้ รอให้หมอกจางลง หวังจะได้เห็นความงามของตาดฟาน แต่สุดท้ายหมอกไม่จางลง....
    ตาดฟานเกิดจากลำน้ำใหญ่บนเขาไหลเทลงจากหน้าผา เป็น 2 สาย ตกลงสู่ปล่องภูเขาไฟลึกลงไป 120 เมตร จุดที่เรายืนชมอยู่ห่างจากขุนเขาทะมึน ป่าไม้ทึบ หน้าผา และน้ำตกราว 6 กม. ภาพรวมทั้งหมดจึงยิ่งใหญ่นัก น้ำตก 2 สายที่สูงมาก แลดูคล้ายเขาเก้ง จึงชื่อ 'ตาดฟาน'
    ธรรมชาติงดงามและป่าไม้ทึบที่เห็น ทำเอาอ้อดจินตนาการว่าตาดฟานเป็นฉากเปิดในหนังเรื่อง Jurassic Park (1993) อันที่จริงภูมิประเทศมีส่วนคล้ายกัน แต่ฉากดังกล่าวถ่ายที่ Manwaiopuna Falls, Hanapepe Valley, Kaua'i, Hawaii
    สมญาของตาดฟานคือ 'น้ำตกน้องเมีย' ชื่นชมได้ห่างๆ แต่แตะต้องไม่ได้

ตาดผาส่วม
    ส่วมแปลว่าหอบ่าวสาว
    เราพักกินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารของคุณวิมล กิจบำรุง นักธุรกิจไทยที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลลาวตั้งแต่ปี 1999 ให้เข้ามาจัดการป่าไม้ พื้นที่ 1,300 ไร่ เขาเขียนบันทึกเผยแพร่เกี่ยวกับโครงการอุทยานบาเจียง น้ำตกผาส่วม อันเป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่สัมปทานของเขาว่า เป็นโครงการต้นแบบสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ และสืบทอดวัฒนธรรมโบราณของชนเผ่า ได้ปลูกต้นไม้กว่า 25,000 ต้น จัดตั้งศูนย์อนุรักษ์ชนเผ่า และพนักงานในโครงการประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆ 11 เผ่า
    ตาดผาส่วมอยู่ห่างจากร้านอาหารไม่มาก ผาน้ำตกเป็นรูปโค้งเกือกม้า น้ำตกสูงราว 20 เมตร แยกเป็นหลายสาย จุดชมอยู่กลางฝั่งตรงข้าม เห็นน้ำตกทั้งหมด ด้านข้างและด้านหลังเป็นป่าไม้ทึบเขียว ไกลออกไปเป็นทิวเขาลางๆ แสงสี องค์ประกอบส่งให้ตาดผาส่วมงามยิ่ง
    จากน้ำตก เดินต่อไปยังศูนย์อนุรักษ์ชนเผ่า ทางเข้าศูนย์ปลูกกอไผ่เรียงรายเป็นแนวทั้งสองข้าง ทางเดินดินกวาดไว้เรียบร้อย สะอาดตา ภายในศูนย์มีเรือนไม้ชั้นเดียว หลังคามุงจาก ใต้ถุนยกพื้นสูง ตั้งห่างกันอยู่ทั่วไป คุณยายร่างผอมเกร็งนั่งสาวด้ายตรงชานเรือนหลังแรก ข้างตัวมีผ้าทอมือ ทำเป็นผ้าซิ่น ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ลวดลาย สีสัน สวยงามวางขายหลายผืน ถัดเข้าไปเป็นเรือนของเผ่าละแว ลักษณะพิเศษคือมีห้องเล็กๆ อยู่ด้านหน้าเป็นมุขยื่นออกมา เจาะช่องหน้าต่างขนาดเล็กพอมือลอดได้เพียงช่องเดียว ใต้ช่องหน้าต่างด้านนอกเรือน มีตอไม้หน้าตัดเรียบวางอยู่ คนละแวเขาจัดห้องนี้ให้ลูกสาวอยู่เวลาพ่อแม่เข้านอนแล้ว หนุ่มๆ ที่สนใจสาวมาเยี่ยมตอนค่ำได้โดยปีนตอไม้ ส่งมือผ่านช่องหน้าต่าง จับมือถือแขนกัน เรียกกิจกรรมนี้ว่า 'ขึ้นครก จกสาว' สาวเรียนรู้หนุ่มว่าทำงานหรือไม่จากมือนุ่มมือหยาบ ถัดมาอีกมุม มีเรือนเสาเดียวแยกอยู่ต่างหาก เรียก 'บ้านเสาเดี่ยว' หลังนี้สำหรับคู่หนุ่มสาวที่ 'ขึ้นครก จกสาว' จนตกลงใจแล้ว ขยับขึ้นไปอยู่ด้วยกันบนบ้านเสาเดี่ยว แต่เขาว่า 'ห้ามผิดผี'... ละแวเป็นชนเผ่ากลุ่มใหญ่ที่สุดในบอละเวน
    นอกจากเรือนอยู่อาศัย ยังมีเรือนหลังใหญ่ใช้เป็นที่ชุมนุม มีเกราะไม้ไว้เคาะเรียก เรือนหลังใหญ่อีกหลัง จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับของแต่ละชนเผ่า

ขากลับ เราย้อนทางเดิม อ้อดพาไปชิมกาแฟแม่ติ ก่อนไปแวะตลาดดาวเฮืองที่ปากเซ
17.30 น. เดินลอดอุโมงค์จากด่านวังเต่ากลับมาด่านช่องเม็ก
รถเดินทางจากช่องเม็กไปโขงเจียม ถึงที่พักวิจิตราแคมปิงส์แอนด์รีสอร์ท ฟ้ามืดสนิท ที่พักอยู่ริมแม่น้ำโขง แต่มองไม่เห็นแม่น้ำเลย คณะเราเป็นแขกพักเพียงคณะเดียว
มื้อค่ำ ฝีมือคุณวิจิตรา ภรรยาเจ้าของที่พัก อาหารแบบครอบครัว รสชาติยอดเยี่ยม

หลังอาหาร เราเปิดวงเสวนายามค่ำ หมอเปียเพิ่งผ่านหลักสูตรผู้บริหารระดับกลางมาหมาดๆ กำลังร้อนวิชา เธอบอกว่าตอนนี้พร้อมเป็นผู้อำนวยการแล้ว วงเสวนาจึงหนักไปในเรื่องบริหารราชการ สมาชิกเห็นพ้องกันว่าตำแหน่งบริหาร อาทิ ผู้อำนวยการ อธิบดี ควรมีอายุ 40 เศษ ปลัดกระทรวงควรมีอายุ 45-50 ปี
    นอกจากนี้ ยังพูดถึง Peter Principle ที่ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ผู้คนในองค์กรจะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น จนไปจบที่ตำแหน่งซึ่งคนนั้นไร้ฝีมือที่สุด
    ปิดวงเสวนาเกือบเที่ยงคืน

เยือนแขวงจำปาสัก ประเทศลาว วันนี้ ได้เห็นภูมิประเทศ ป่าไม้ ขุนเขา น้ำตก ที่สวยงาม
ได้เรียนรู้ ทบทวนประวัติศาสตร์ลาว ซึ่งใกล้ชิดกับอีสานของไทยเป็นอย่างยิ่ง

ข้อมูลค้นจาก
    th.wikipedia.org
    tourismlaos.org

     

1 comment:

  1. ยังมีเรื่องข้าวไก่น้อยค่ะที่ไม่ได้กล่าวถึง

    ReplyDelete