February 20, 2015

Vietnam by Boat: Hue: 01.01.2015

ตื่นนอนเช้านี้ สดชื่น ไม่ปวดเมื่อย ไม่เดี้ยง อย่างที่หวั่นเกรง หลังขี่จักรยานเที่ยวเมื่อวานทั้งวัน
หลังอาหารเช้า check-out ฝากสัมภาระไว้ วันนี้มีเวลาเต็มวันสำหรับ Hue ค่ำจึงบินไป Ho Chi Minh City
พนักงานสาวถามว่าวันนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหน ไปอย่างไร เราตั้งใจนั่งแท็กซี่ไป Thien Mu และ Citadel ฝั่งเหนือของแม่น้ำ เธอเสนอว่าน่าจะไปทางเรือ ทวนแม่น้ำ Huong ไป Thien Mu ก่อน แล้วล่องมา Citadel จาก Citadel เดินกลับมาโรงแรมได้ ค่าเรือเหมาไม่ต่างจากแท็กซี่ แต่ได้ประสบการณ์ต่างไป

11.00 น. คนเรือหญิงมารับตามนัด เดินจากที่พักไปไม่ไกลก็ถึงที่เรือจอดรออยู่
เรือเป็นบ้าน คนขับคือพ่อ คนที่มารับเราคือแม่ ลูกชาย 2 คน คนโต 3 ขวบ คนเล็กขวบเดียว อาศัยอยู่ในบ้านเรือ บรรยากาศน่ารัก เรือค่อยๆ แล่นทวนน้ำขึ้นไป ลมโกรก เย็นสบาย ในแม่น้ำมีเรือแล่นขวักไขว่ เป็นโอกาสดีที่เห็นทิวทัศน์เมืองจากแม่น้ำ เด็ก 2 คนเล่นกัน ไม่งอแง ไม่ร้องไห้เลย พอคนเล็กง่วงจะนอน แม่ก็เอาลงเปลผ้าที่ผูกไว้ เปลแกว่งตามจังหวะเรือที่แล่นไปในน้ำ ชีวิตเรียบง่ายจริงๆ เรือลอดสะพาน 3 แห่ง สะพาน Trang Tien สะพาน Phu Xuan และสะพานคู่ Da Vien (สะพานรถ) กับ Bach Ho (สะพานรถไฟ) ถึงท่าเรือวัด Thien Mu ตอนเที่ยง

วัด Thien Mu ('สตรีจากสวรรค์')
    จากถนนริมแม่น้ำ Huong หน้าวัด เดินขึ้นบันไดสูงไปยังเสาเหลี่ยม 4 ต้น จารึกอักษรจีน เป็นคำสรรเสริญพระพุทธศาสนาและวัด
    เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมเจ็ดชั้น ชื่อ Phuoc Duyen ('แหล่งกำเนิดความสุข') สูง 21 เมตร ตั้งอยู่บนลานด้านหน้าของวัด งามโดดเด่นและเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง Hue แผ่นหินด้านขวาบันทึกรายละเอียดการสร้างเจดีย์เมื่อปี 1844 แผ่นหินด้านซ้ายจารึกบทกวีของจักรพรรดิ์ Thieu Tri
    ปี 1710 Nguyen Phuc Chu ให้หล่อระฆังสำริดขนาด 2.50 เมตร ตั้งในศาลาหกเหลี่ยม ด้านซ้ายของเจดีย์ ต่อมาในปี 1715 เขาให้แกะสลักหินอ่อนรูปเต่าแบกแผ่นหินจารึกบทเพลงสรรเสริญพระพุทธศาสนา ตั้งในศาลาด้านขวาของเจดีย์
    จากลานด้านหน้าผ่านประตูที่มี 3 ช่องเข้าสู่ลานด้านใน ภายในอาคารประดิษฐานพระพุทธรูปสำริด ปางต่างๆ จำนวนมาก
    ในห้องขนาดย่อมห้องหนึ่ง ด้านหน้าเขตสังฆาวาส มีรถสีฟ้าสดใส ยี่ห้อ Austin รุ่น Westminster จอดอยู่ รถคันนี้นำพระภิกษุ Thich Quang Duc แห่งวัด Thien Mu ไปนั่งสมาธิ จุดไฟเผาตัว กลางสี่แยกในกรุง Saigon เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 1963 ประท้วงนโยบายศาสนาของรัฐบาล Ngo Dinh Diem ภาพพระภิกษุ Thich Quang Duc สงบนิ่งในไฟลุกโชนปรากฏเป็นข่าวไปทั่วโลกในวันถัดมา
    ด้านหลังของวัดอยู่บนเนิน รอบๆ เป็นป่าไม้เขียวขจี สงบสันติ
    วัด Thien Mu มีอาณาบริเวณกว้างขวาง ลักษณะเป็นสวนป่า การเดินชมจึงผ่อนคลายยิ่ง แม้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็ตาม

ลงเรือแล่นย้อนกลับเมือง ขากลับล่องตามน้ำจึงเร็วกว่าขาไป ราว 40 นาทีก็ถึง Citadel เรือหันหัวเข้าหาตลิ่งดินที่มีหญ้าปกคลุม เราขึ้นฝั่งได้โดยง่าย เรือถอยออก แล่นต่อไปยังที่จอดบ้านเรือ เป็นอันหมดภารกิจของเขา
บริเวณที่ขึ้นฝั่งนี้ เป็นสวนสาธารณะริมน้ำ ตกแต่งไว้พองาม มีบ่อน้ำพุขนาดย่อม ถัดมามีศาลาท่าเรือโบราณที่กำลังบูรณะอยู่ ผู้คนใช้พื้นที่สวนทำกิจกรรมหลากหลาย หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งเต้น breakdance กันสนุกสนาน กลุ่มผู้ใหญ่เล่นเปตองกันจริงจัง เราเดินออกมาริมถนน Le Duan ทางเท้ากว้างขวาง พื้นอัดแน่น ปูแผ่นอิฐเรียบ แข็งแรง มองเห็นป้อมธง (Flag Tower) ขนาดใหญ่ตรงด้านหน้าของ Citadel อยู่ไกลออกไป จากถนน Le Duan เลี้ยวซ้ายเข้าสะพานข้ามคูเมือง คูเมืองกว้างราว 50 เมตร อยู่ล้อมรอบนอกกำแพง Citadel สุดสะพานผ่านประตู Ngan เข้าไปภายในเขตกำแพง Citadel

The Citadel
    ป้อมปราการใหญ่นี้ปกป้อง Imperial City และ Forbidden Purple City ไว้ภายใน เป็นศูนย์รวมอำนาจปกครองและเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ์แห่งราชวงศ์ Nguyen ตั้งแต่องค์แรกคือจักรพรรดิ์ Gia Long เมื่อปี 1802 จนถึงองค์สุดท้ายคือจักรพรรดิ์ Bao Dai ที่จำต้องสละราชสมบัติเมื่อปี 1945
    Citadel ครอบคลุมพื้นที่ 4 ตารางกิโลเมตร กำแพงสูง 6.50 เมตร ด้านหน้ามีป้อมธงสูงใหญ่น่าเกรงขามตั้งเด่นริมแม่น้ำ Huong สร้างตามแบบของ Sebastien de Vauban สถาปนิกทหารชาวฝรั่งเศสยุคศตวรรษที่ 17 รอบนอกกำแพงเป็นคูเมืองลึก 4 เมตร กว้าง 40-50 เมตร Citadel แม้ดูแข็งแกร่งยากที่ข้าศึกจะทะลวงผ่านได้ แต่อันที่จริงแบบแผนนี้ล้าหลังกว่ายุทธวิธีทางทหารตั้งแต่ตอนสร้างแล้ว อย่างไรก็ตาม ระหว่างการลุกฮือเปิดแนวรบทั่วประเทศที่เรียก 'Tet Offensive' ปี 1968 กองกำลังฝ่ายเวียดนามเหนือและ Viet Cong สามารถยึดพื้นที่ภายใน Citadel นาน 25 วัน ในการรบดุเดือดกับนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา ร่องรอยของสงครามยังปรากฏให้เห็น แม้ซากปรักจะถูกเคลื่อนย้ายไปแล้ว และ UNESCO ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1992
    Imperial City อยู่ภายในกำแพงและคูชั้นที่สอง ผังตามแบบ Forbidden City ที่ปักกิ่ง ทางเข้าผ่านประตู Ngo Mon (Noon Gate) สร้างเมื่อ 1833 โดยจักรพรรดิ์ Minh Mang ประตูกว้าง 57 เมตร ลึก 4.50 เมตร สูง 2 ชั้น ช่องตรงกลางเป็นทางสำหรับจักรพรรดิ์เท่านั้น ชั้นบน เป็น Belvedere of Five Phoenixes ที่ซึ่งจักรพรรดิ์ประทับชมรัฐพิธี ประตู Ngo Mon กำลังบูรณะ ไม่เปิดให้ชมชั้นบน
    ข้ามสะพาน Trung Dao ผ่านทะเลสาบ Thai Dich เข้าสู่ลานพิธี อันเป็นที่ตั้งแถวเหล่าขุนนาง เบื้องหน้า Thai Hoa Palace (Palace of Supreme Harmony) ซึ่งเป็นที่จักรพรรดิ์ประทับบัลลังก์ในพิธีต่างๆ Thai Hoa Palace มีเสาสีแดงเคลือบเงางดงาม บัลลังก์ที่ประทับยังคงตั้งอยู่
    ด้านหลัง Thai Hoa Palace เป็นที่โล่งโจ้งกว่า 50 ไร่ มีเพียงพื้นดินแซมหญ้า บนที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของอาคารต่างๆ ใน Imperial City ตลอดจน Forbidden Purple City พระราชฐานฝ่ายในทั้งหมด โครงสร้างเหล่านี้ถูกทำลายลงหมดสิ้นไม่หลงเหลือแม้ซากให้เห็น จากการทิ้งระเบิดอย่างหนักของเครื่องบินรบสหรัฐอเมริการะหว่าง Tet Offensive เมื่อปี 1968
    ถนนทางซ้ายด้านหลัง Thai Hoa Palace ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ นำสู่ประตู Chuong Duc ก่อนถึงประตู มีวัด The Mieu สร้างโดยจักรพรรดิ์ Minh Mang เมื่อ 1821 เพื่อบูชาจักรพรรดิ์ Gia Long พระบิดา ภายในตกแต่งด้วยเสาสีแดงและงานแกะสลักไม้งดงาม
    ภายนอกกำแพง Imperial City ด้านตะวันออกตรงข้ามประตู Hien Nhon เป็น Museum of Royal Fine Arts จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้หลากหลายของจักรพรรดิ์ ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ทำด้วยไม้หลังใหญ่ เก่าแก่ งดงาม สนามหญ้าและสวนภายนอกร่มรื่น เดินชมจนพิพิธภัณฑ์ปิด 17.30 น.
    ออกจาก Museum of Royal Fine Arts นั่งแท็กซี่กลับที่พัก

19.00 น. รถที่ว่าจ้างให้ไปส่งที่สนามบินมารับตามนัด รถ van คันใหญ่มาก พาเรา 2 คนไปยังสนามบิน Hue
21.15 น. เครื่องบินออก ใช้เวลาบิน 1.20 ชั่วโมง ถึง Ho Chi Minh City
ที่สนามบิน Tan Son Nhat เรียกแท็กซี่สีขาว Vinasun ไปยังโรงแรมที่พัก

วันนี้มีโอกาสดีได้นั่งเรือที่เป็นบ้านล่องแม่น้ำ Huong เห็นวิถีชาวเรือที่เรียบง่าย
    ได้ชมวัด Thien Mu เจดีย์แปดเหลี่ยมเจ็ดชั้นอันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Hue ได้เห็นรถ Austin สีฟ้าคันสำคัญในประวัติศาสตร์
    ได้ชม Citadel ได้เห็นวิญญาณของ Imperial City และ Forbidden Purple City ซึ่งเคยรุ่งเรือง อายุเกือบ 150 ปี กลับกลายเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าอย่างน่าเสียดายและน่าหดหู่

ข้อมูลค้นจาก
    Vietnam. National Geographic Traveler. 2006.
    wikipedia.org
    wikitravel.org

1 comment:

  1. Amazing และน่าติดตามในทุก้รื่องราวที่เล่าเรื่อง ประทับใจกับบรรยากาศของครอบครัวเรือล่อง แบบเรียบง่าย ได้สัมผัสชีวิตของชนชาวเวียตนามที่แท้จริง วาดภาพตามคำเขียนแล้วอดคิดถึงความประทับใจเมื่อครั้งไปเที่ยวประเทศอียิปต์ ล่องเรือตามลำน้ำ Nile แล้วแวะเที่ยววัด และโบราณสถานริมน้ำไปเรื่อยๆ... ได้อ่านเรื่องราวดีๆมีความรู้ทางประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตของชนชาวเวียตนามที่ได้สัมผัสด้วย วัดเก่าแก่ที่ทรงคุณค่า ..นับเป็นการเดินทางท่องเที่ยวที่มีคุณค่าอย่างมหาศาล ขอขอบคุณจากใจค่ะ

    ReplyDelete