วันนี้อากาศเย็นลงมาก เมฆครึ้ม แต่ไม่มีฝน
หลังอาหารเช้า ออกไปเดินเล่นริมแม่น้ำ Han ท้องฟ้าปลอดโปร่งกว่าวานนี้มาก เราไปจนถึงที่ทำการไปรษณีย์ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำ แวะชมและซื้อแสตมป์สวยๆ ส่งโปสการ์ดกลับเมืองไทย
เดินกลับที่พัก check-out ไปรอรถโดยสาร Da Nang - Hoi An ป้ายจอดรถอยู่หน้าโบสถ์ Sacred Heart Cathedral ซึ่งเป็น cathedral ของ Diocese of Da Nang ห่างจากที่พักเพียงหนึ่งบล็อค มีเวลาแวะเข้าไปเดินเล่น ชมโบสถ์ และ Bishop's House ครู่หนึ่ง
บนรถโดยสาร คนเดินทางส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่น นักท่องเที่ยวมีชาวฝรั่งเศสชายหญิง 1 คู่ ญี่ปุ่นชายหญิง 1 คู่ และชาวไทยพ่อลูก 1 คู่ บรรยากาศถ้อยทีถ้อยอาศัย ใช้เวลา 1 ชั่วโมง รถก็เข้าจอดที่สถานีรถ Hoi An ลงจากรถ มองหารถแท็กซี่เพื่อไปที่พัก แต่ไม่มีเลย มอเตอร์ไซค์ปราดเข้ามา เราไม่แน่ใจ เดินออกมาหน้าสถานีรถ ไม่มีแท็กซี่จริงๆ จึงตกลงใช้บริการมอเตอร์ไซค์คนละคัน กระเป๋าเดินทางวางข้างหน้าคนขับ คนนั่งซ้อนท้าย
ผังเมือง ป้ายชื่อถนน เลขที่บ้าน ในเวียดนาม เป็นระบบระเบียบชัดเจน เพียงมีที่อยู่ซึ่งระบุเลขที่บ้านและถนน คนขับรถสาธารณะจะพาถึงที่หมายได้โดยง่าย
ที่พัก The Corner Homestay อยู่บนเกาะคนละฝั่งแม่น้ำ Hoai กับ Old Town เจ้าของบ้านแบ่งห้องให้นักท่องเที่ยวเช่าพักหลายห้อง ลูกสาววัย 4 ขวบเล่นอยู่ในห้องรับแขก ที่หน้าบ้าน นักเดินทางอาวุโส อดีตช่างภาพอาชีพ ชาวเยอรมัน กำลังซ่อมจักรยานของตนที่ปั่นเที่ยวรายทางมาหลายสัปดาห์จากตอนเหนือของเวียดนามเรื่อยมาจนถึง Hoi An เขาตั้งใจจะไปจนถึงดินดอนปากแม่น้ำโขงทางใต้ บรรยากาศที่พักสบายๆ เป็นกันเอง
Hoi An เมืองท่าสำคัญของอุษาคเนย์แต่ครั้งศตวรรษที่ 17 ทว่าตะกอนโคลนเลนสะสมทำให้แม่น้ำตื้นเขิน ปลายศตวรรษที่ 19 เรือสินค้าและการค้าขายจึงย้ายไปยัง Tourane (ปัจจุบันคือ Da Nang) Hoi An ซบเซาลง บ้านเรือน ร้านค้า ถนนรนแคมริมแม่น้ำ สมาคมชุมนุมชาวจีน คงสภาพเมืองท่าเก่า มิอาจเปลี่ยนแปลงเป็นเมืองสมัยใหม่เหมือน Malacca และ Penang เมืองท่าสำคัญในยุคเดียวกัน คุณค่าของการรักษาเมืองเก่าไว้ทำให้ UNESCO ขึ้นทะเบียนเมืองเป็นมรดกโลกในปี 1999
แม้ส่วน Old Town มีอายุนับเนื่องตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 16 ถึงต้นศตวรรษที่ 18 แต่ที่จริง Hoi An เป็นเมืองท่าโบราณ มาแต่สมัยชาว Sa Huynh (ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล) เป็นศูนย์กลางการค้าสมัยจามปา ต่อเนื่องถึงยุคไดเวียด จักรพรรดิ์ Nguyen ต้อนรับชาวญี่ปุ่นและชาวจีนให้เข้ามาตั้งรกรากคนละฝั่งคลอง ซึ่งเชื่อมกันด้วยสะพานญี่ปุ่น (Japanese Covered Bridge) อันวิจิตร สะพานนี้ยังคงเป็น landmark สำคัญในปัจจุบัน พ่อค้าโปรตุเกสเข้ามาในปี 1535 ตามด้วยพวกดัทช์ อังกฤษ และฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 17 อย่างไรก็ตาม ร่องรอยของชาวยุโรปไม่เหลือปรากฏให้เห็น ต่างจากศิลปสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นและจีนที่มีบทบาทสำคัญในยุคอดีตและยังคงอยู่ให้ชื่นชมจนถึงวันนี้
14.00 น. ออกจากที่พักเดินไป Old Town อยู่ห่างไปเพียง 300 เมตร ข้ามสะพาน An Hoi มีราวเหล็กสลักลายงดงาม ในแม่น้ำ Hoai มีเรือลอยลำจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นเรือรับนักท่องเที่ยวล่องชมทิวทัศน์ทางน้ำ สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่บนถนนหลัก 3 สาย ซึ่งเรียงขนานกัน ตามแนวแม่น้ำ ได้แก่ Tran Phu ถนนเก่าแก่ที่สุดเชื่อมสะพานญี่ปุ่นกับวัด Quan Cong ที่อยู่ตรงข้ามตลาด ถนน Nguyen Thai Hoc เปิดเมื่อ 1841 และถนนริมน้ำ Bach Dang เปิดเมื่อ 1886
ตลอดถนน Tran Phu ลงใต้มาถึงแม่น้ำ มีบ้านเรือนพ่อค้าชาวจีนตั้งแต่ศตวรรษที่ 17-18 เรียงราย พื้นที่ส่วนนี้เดิมเป็นถิ่นของชาวญี่ปุ่น หากภายหลัง Shogun Tokugawa Iemitsu ออกนโยบาย 鎖国令 (Sakoku-rei, National Seclusion) เมื่อปี 1635 ห้ามการเดินเรือไปต่างประเทศ ห้ามชาวญี่ปุ่นออกนอกประเทศ ชุมชนญี่ปุ่นนี้จึงสลายไป พ่อค้าชาวจีนเข้าครอบครองพื้นที่แทน บ้านเรือนญี่ปุ่นไม่เหลือให้เห็นถึงวันนี้ คงเหลือแต่เพียงผังพื้นลักษณะแบบบ้านเก่าใน Kyoto ตลอดจนลักษณะคานขื่อไม้ ผสมผสานญี่ปุ่น จีน และเวียดนาม กลายเป็นเอกลักษณ์เรือนเก่าของ Hoi An
สถานที่น่าสนใจแบ่งประเภทได้เป็น เรือนเก่า (Old House) สมาคมชุมนุมชาวจีน (Assembly Hall) พิพิธภัณฑ์ (Museum) และวัด การเข้าชมต้องซื้อบัตรชุด 5 ใบ เข้าชมได้ 5 แห่ง
Old Town คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว บ้านเรือนเก่ากลายเป็นร้านขายของ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และโรงแรม ไม่มีกลิ่นอายของเมืองท่า ไม่มีวิถีชุมชนโบราณที่สอดคล้องกับโครงสร้างบ้านเรือน มุมสงบที่จะถ่ายรูปให้ปราศจากนักท่องเที่ยวหายากมาก
Japanese Covered Bridge
สะพานไม้ รับด้วยเสาหิน มีหลังคาคลุม อยู่สุดถนน Tran Phu ด้านตะวันตก สร้างเมื่อต้นศตวรรษที่ 17 โดยชาวญี่ปุ่น เชื่อมสองฝั่งคลองที่แยกชุมชนชาวจีนด้านตะวันตกกับชุมชนชาวญี่ปุ่นด้านตะวันออก ช่วงกลางสะพานด้านทิศเหนือ ต่อออกไปเป็นวัดเต๋า เพื่อบูชาเทพผู้ดูแลสัตว์ใต้พิภพ หางของสัตว์นี้ยามขยับก่อให้เกิดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น หัวของมันอยู่ใต้อินเดีย ส่วนหัวใจอยู่ใต้ Hoi An จึงเป็นที่ตั้งของวัด เชิงสะพานทั้ง 2 ฝั่งมีรูปปั้นสัตว์ฝั่งละคู่ ฝั่งหนึ่งเป็นลิง อีกฝั่งหนึ่งเป็นสุนัข ตามนักษัตรของปีที่เริ่มสร้างสะพานและปีที่สร้างเสร็จ ใต้หลังคามีป้ายไม้จารึกอักษรจีน ซึ่งจักรพรรดิ์ Nguyen ให้ติดไว้เมื่อปี 1791 เขียนว่า 'แห่งชนชาติที่อยู่ไกลโพ้น'
สะพานญี่ปุ่นนี้คงสภาพแข็งแรง งดงาม แม้อายุร่วม 400 ปี เป็นสัญลักษณ์สำคัญหนึ่งของ Hoi An
Quan Thang House (77 Tran Phu)
บ้านไม้เก่าครอบครองโดยคนตระกูลเดียวตกทอดมาแต่ศตวรรษที่ 18 ฝาผนังไม้ ฉากกั้นไม้ ลงเงาบางเนียน แกะสลักอย่างวิจิตร คานขื่อไม้ใต้หลังคา 3 ด้าน ด้านหนึ่งเป็นแบบญี่ปุ่น ด้านหนึ่งเป็นแบบจีน และอีกด้านเป็นแบบเวียดนาม จากโถงส่วนหน้าเข้าไป ตรงกลางบ้านเป็นส่วนเปิดโล่งรับแดด ลม ฝน ผนังประดับลายปูนปั้นทาสีงดงาม จัดวางกระถางเครื่องเคลือบปลูกไม้ดัด ส่วนหลังเป็นที่อยู่อาศัย
คุณค่าของบ้านเก่านี้อยู่ที่การดูแลรักษาโครงสร้าง และศิลปกรรมตกแต่งอันประณีตที่ช่างบรรจงสร้างไว้แต่ครั้งอดีต
Museum of Trade Ceramics (80 Tran Phu)
พิพิธภัณฑ์จัดแสดงภาชนะดินเผา เครื่องกระเบื้องเคลือบที่ค้นพบจากซากเรืออับปางในบริเวณนี้ อย่างไรก็ตาม ตัวเรือนไม้พิพิธภัณฑ์เองกลับน่าสนใจกว่า รายละเอียดของระเบียง ประตูประกอบระเบียง เครื่องเรือนไม้ ล้วนวิจิตรงดงาม
Phuc Kien Assembly Hall (46 Tran Phu)
ชาวจีนที่มาตั้งรกรากยัง Hoi An ส่วนใหญ่มาจาก 5 จังหวัดทางตอนใต้ของประเทศจีน อาทิ กวางตุ้ง ฮกเกี้ยน ไหหลำ ต่างมีสมาคมชุมนุมของกลุ่มตนเป็นที่พบปะ และประกอบพิธีทางศาสนา
Phuc Kien Assembly Hall เป็นสมาคมชุมนุมของฮกเกี้ยน สร้างเมื่อ 1757 อยู่ลึกจากถนนเข้าไป ประตูหน้าเพียงช่องเดียว ผ่านสวนและลานโล่ง สู่ประตูใหญ่ 3 ช่องโอ่อ่า เทพประจำคือ Thien Hau เทพธิดาแห่งทะเล ประดิษฐานบนแท่นบูชาด้านใน ลึกเข้าไปจัดแสดง model เรือสำเภาของพ่อค้าจีนในยุคนั้น
ที่นี่มีที่นั่งสบายๆ ลมเย็น พื้นที่กว้างขวางสมเป็นสมาคมชุมนุม เราจึงถือโอกาสนั่งพักหลังจากเดินมาเป็นเวลานาน
Central Market
สุดถนน Tran Phu เป็นตลาดกลาง ขายของสด ของแห้ง มีร้านอาหารแบบบ้านๆ นั่งกินหน้าร้าน มากมาย บรรยากาศชวนให้ลิ้มลอง และไม่ผิดหวังกับเมี่ยงเตรียมสดๆ
ออกจากตลาด เริ่มมืด อากาศเย็นลง เราเดินเข้าถนน Nguyen Thai Hoc นักท่องเที่ยวที่มาเช้าเย็นกลับ ทยอยกลับแล้ว ทางเดินปลอดโปร่งขึ้น จุดท่องเที่ยวยังคงเปิดให้เข้าชม บรรยากาศยามราตรี
Museum of Folk Cultures (33 Nguyen Thai Hoc)
จัดแสดงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ เครื่องมือประกอบอาชีพ ของชาวชนบท อาทิ งานช่างไม้ ประมง กสิกรรม ทอผ้า ตลอดจนงานรื่นเริงต่างๆ ลักษณะทั่วไปคล้ายชนบทไทย
ด้านหลังของพิพิธภัณฑ์นี้เปิดออกสู่ถนน Bach Dang ริมแม่น้ำ Hoai
ยามราตรีเช่นนี้ ถนนริมน้ำคึกคักยิ่ง ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม เต็มไปด้วยลูกค้า เด็กๆ เสนอขายกระทงกระดาษจุดเทียนไขให้ลอยในแม่น้ำ รูปลักษณ์ห่างชั้นจากกระทงวันเพ็ญเดือนสิบสองของไทยมากนัก
เรานั่งพักบนม้านั่งริมทางหันหน้าสู่แม่น้ำ เรือเทียบฝั่งกันหมด สายน้ำไหลสงบเงียบ ใจล่องลอยไปในภวังค์ แม่ค้าหาบผลไม้เข้ามาเสนอขาย ดึงให้กลับมานั่งกินส้ม
ร้าน BBQ ไก่ ห่อด้วยแผ่นแป้ง ราดน้ำจิ้มรสเด็ด แกล้มผัก หาบวางริมทาง คนเวียดนามนั่งล้อมกันเพียบ อย่างนี้ต้องอร่อยแน่ เราจึงเข้าผสมโรงด้วย อิ่มหนำสำราญ จึงเดินกลับที่พัก
Hoi An สามารถรักษาเมืองเก่าได้อย่างน่านิยม ความโหยหาคุณค่าแห่งอดีตปลุกกระแสท่องเที่ยวซึ่งเป็นดาบสองคม อันอาจนำสู่การ 'จัดฉาก' หรือก่อภาวะแทรกซ้อนโดยไม่ตั้งใจ
ข้อมูลค้นจาก
Vietnam. National Geographic Traveler. 2006.
wikipedia.org
wikitravel.org