April 13, 2020

Nakhon Phanom: รอบเมือง: 18.11.2016

ออกจากอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ลุงฮงขับรถลัดเลาะไปตามถนนเลียบอ่างเก็บน้ำหนองญาติ ราว 3 กิโลเมตร ก็บรรจบกับทางหลวง 2033 ตรงเทศบาลตำบลหนองญาติ ต่อไปอีก 300 เมตร ถึงศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานครพนม พื้นที่กว้างขวาง ภายในเปิดให้ชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและหอเฉลิมพระเกียรติ อาคารทั้งสองห่างกันราว 500 เมตร รถบัสหลายคันพาเด็กนักเรียนตัวน้อยมากับครู บรรยากาศคึกคัก

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ‘โลกของปลาแม่น้ำโขง’
     จัดแสดงปลาน้ำจืด เกือบ 100 ชนิด จากแม่น้ำโขง แม่น้ำสงคราม และแม่น้ำก่ำ สามสายน้ำสำคัญของนครพนม ตู้ปลาขนาดใหญ่ อุโมงค์ปลา และแววตาเป็นประกายของเด็กๆ ทำให้พิพิธภัณฑ์มีชีวิตชีวา นอกจากนี้ ยังมีแท็งค์ปลาบึก ราชินีแห่งแม่น้ำโขง แหวกว่ายอวดโฉม น่าตื่นตาตื่นใจ

หอเฉลิมพระเกียรติราชวงศ์จักรี
     อาคารขนาดใหญ่ ทรงจตุรมุข หันหน้าไปทางตะวันออก ตึกยาวตามแนวตะวันออก-ตกหลังคาจั่วสามชั้นลด ภายในมี 2 ชั้น
     ชั้นล่าง พื้นหินขัดเงา จัดแสดงภาพเขียนสีน้ำมัน รัชกาลที่ 1-9 และนิทรรศการเรื่องราชวงศ์จักรี
     ชั้นบน จัดแสดงเอกลักษณ์สำคัญทางมนุษยศาสตร์ของนครพนม: 8 พระธาตุ 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ
        8 พระธาตุ จัดแสดงด้วยภาพ คือ
           พระธาตุนคร วัดมหาธาตุ อำเภอเมือง
           พระธาตุท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน
           พระธาตุหินอ่อน วัดโพธิ์ไชย อำเภอท่าอุเทน
           พระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม
           พระธาตุเรณู อำเภอเรณูนคร
           พระธาตุศรีคุณ อำเภอนาแก
           พระธาตุมหาชัย อำเภอปลาปาก
           พระธาตุประสิทธิ์ อำเภอนาหว้า
        8 ชนเผ่า จัดแสดงวิถีชีวิต ประเพณี ของ 8 ชนเผ่า อันได้แก่ ไทข่า ไทโส้ ไทญ้อ ไทกวน ไทกะเลิง ผู้ไท ไทแสก ไทอีสาน นอกจากนี้ ยังจัดแสดงชุดแต่งกายประจำชนเผ่า ทั้งชายและหญิง แบบ ผ้า สีสัน ลวดลาย ล้วนงดงาม น่าสนใจ
        2 เชื้อชาติ จัดแสดงวิถีชีวิต ประเพณี ของ 2 เชื้อชาติ คือ จีน และเวียดนาม

เที่ยงเศษ เราออกจากหนองญาติ กลับเข้าเมือง พักกินมื้อกลางวันที่ ‘เรือนริมน้ำ’ ถนนสุนทรวิจิตร ร้านอาหารตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง บรรยากาศผ่อนคลาย

หลังอาหาร เราเดินทางต่อ...วัดนักบุญอันนา หนองแสง ห่างไปเพียง 500 เมตร

วัดนักบุญอันนา หนองแสง
     วัดคาธอลิก สร้างเมื่อปี 1926 (พ.ศ. 2469) อาณาบริเวณกว้างขวาง ปลูกต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้ม
     จากถนนสุนทรวิจิตร (212) ถนนเลียบโขง ผ่านซุ้มรั้ววัดเข้าไปภายใน ลานกว้างด้านหน้ามีประติมากรรมรูปนักบุญอันนา (มารดา) ยืนอยู่หลัง สองแขนโอบไหล่พระนางมารี (บุตรสาว) ที่ยืนอยู่หน้า ดูอ่อนโยน อบอุ่น
     โบสถ์หันหน้าไปทางตะวันออกสู่แม่น้ำโขง ตึกเป็นหอคอยคู่ทรงสี่เหลี่ยมขนาบสองข้าง ส่วนบนหอคอยทำเป็นปิรามิดเรียวขึ้นไป ยอดเป็นไม้กางเขนโดดเด่น ตรงฐานปิรามิดเป็นดาดฟ้าเดินได้รอบ มีสะพานทางเดินโค้งเชื่อมดาดฟ้าหอคอยทั้งสองเข้าด้วยกัน
     ภายในโบสถ์ กำลังมีพิธีอาลัยผู้ตายก่อนฝัง เราจึงไม่ได้เข้าไปชม
     ถัดไปทางทิศใต้ของโบสถ์ เป็นตึกมูลนิธิบาทหลวงเอดัวรด์นำลาภ (1952) ก่อตั้งโดยคุณพ่อเอดัวรด์ (ยอแซฟ) ถัง นำลาภ (1893-1965) เจ้าอาวาสวัดนักบุญอันนา หนองแสง ช่วง 1929-1964 สถาปัตยกรรมของตึกงดงาม หากรกร้าง รอการบูรณะ?

ออกจากวัดนักบุญอันนา รถแล่นเลียบโขงลงใต้ไป 800 เมตร เลี้ยวขวาเข้าจวนผู้ว่าฯ หลังเก่า

พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม
     ตึกหลังนี้เป็นบ้านเก่าของพระยาพนมนครานุรักษ์ (อุ้ย นาครทรรภ) ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม (ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2454-2468) สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2457 ต่อมาปี พ.ศ. 2468 ขายให้กระทรวงมหาดไทยใช้เป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมจนถึงปี พ.ศ. 2527
     กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนตึกเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2548 บูรณะและจัดเป็นพิพิธภัณฑ์เมื่อปี พ.ศ. 2549
     ตึก 2 ชั้น หลังคาจั่ว มีหน้าต่างสูงโดยรอบทั้งชั้นบนและล่าง บานหน้าต่างและราวระเบียงไม้ทาสีเขียว ส่งให้ตึกสีเหลืองยิ่งงดงาม ประตูทางเข้าเป็นซุ้มโค้ง พื้นชั้นล่างปูกระเบื้องลายทแยงสลับสีขาวดำดูเคร่งขรึม
     สิ่งจัดแสดงได้แก่
          ห้องพื้นเมืองนคร เล่าเรื่องอาณาจักรโคตรบูร มรุกขนคร ก่อนเป็นนครพนม
          ห้องเจ้าเมืองเรืองนาม ประดับภาพผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ตั้งแต่คนแรกจนถึงคนปัจจุบัน
          ห้องวัฒนธรรมหลากหลาย ของชนเผ่าต่างๆ
          ห้องเมื่อครั้งยังเสด็จ บันทึกการเสด็จเยี่ยมนครพนม 8 ครั้ง ของรัชกาลที่ 9 และพระราชินี
          ห้องคืนประทับแรม เป็นห้องพระบรรทมของรัชกาลที่ 9 และพระราชินี เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498
          ห้องพสกนิกรแซ่ซ้อง แสดงภาพชาวบ้านรอรับเสด็จฯ เมื่อปี 2498 รวมทั้งภาพ ‘ยายตุ้มถวายดอกบัวเหี่ยว 3 ดอก’
          ห้องเปิดบันทึกท่านสง่า บันทึกการปรับปรุงจวนเพื่อรับเสด็จฯ เมื่อปี 2498 โดยท่านสง่า ปลัดจังหวัด
     ด้านหลังจวน มีเรือนหลังเล็กชั้นเดียว เรียก ‘เฮือนเฮือไฟ’ เล่าเรื่องประเพณี ‘ไหลเรือไฟ’ ของชาวนครพนมในวันออกพรรษา แบ่งเป็น 4 ห้อง ได้แก่ สืบสานประเพณี งามตาไหลเรือไฟ อัคคีแห่งศรัทธา และรวมใจไทนคร
             
จากพิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าฯ รถแล่นเข้าถนนอภิบาลบัญชา ผ่านโรงพยาบาลนครพนม
     กว่า 35 ปี ที่จากมา ตึกรามเปลี่ยนไปมาก หน้าโรงพยาบาลติดป้าย 4 ภาษา: ไทย อังกฤษ ลาว เวียดนาม สะท้อนพื้นเพหลากหลายของคนนครพนม

ถัดมาราว 900 เมตร ถึงหอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
     ตึก 3 ชั้น สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2458 เดิมเป็นศาลากลางจังหวัด ปรับปรุงเป็นหอสมุดเมื่อปี 2537 ได้รับคัดเลือกเป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่นปี 2540 และกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
     บริเวณด้านหน้าตึกเป็นสนามกว้าง มีไม้ประดับตัดแต่งเป็นระเบียบ ตรงกลางประดิษฐานอนุสาวรีย์พระรูปทรงม้า รัชกาลที่ 5
     ตึกหอสมุดใหญ่โตโอ่อ่า พื้นที่เกือบ 1,300 ตารางเมตร บันไดและราวบันไดไม้ขัดเงางดงาม จัดแบ่งเป็นห้องต่างๆ ได้แก่ ห้องหนังสือทั่วไป ห้องหนังสืออ้างอิง ห้องวารสารและหนังสือพิมพ์ ห้องหนูรักหนังสือ ห้องโสตทัศนศึกษา และห้องศรีโคตรบูร (บริการเอกสารภาษาโบราณ เช่น สมุดไทย คัมภีร์ใบลาน รวมทั้งสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวกับท้องถิ่นอีสาน)
     ภูมิทัศน์ทั้งภายในและภายนอกหอสมุดรื่นรมย์ ชวนให้นั่งอ่านหนังสือจริงๆ
   
ออกจากหอสมุด รถแล่นลงใต้ ราว 3 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายวกกลับเข้าถนนสุนทรวิจิตร ถนนเลียบโขง เข้าไปจอดในวัดมหาธาตุ

วัดมหาธาตุ
     เป็นวัดเก่าแก่ เดิมชื่อ วัดมิ่งเมือง สร้างแต่ปี พ.ศ. 1150 โดยพระยามหาอำมาตย์ (ป้อม) แม่ทัพใหญ่จากเวียงจันทน์
     พระธาตุนคร สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2465 ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง 5.85 เมตร สูง 24 เมตร เจดีย์ทรงบัวเหลี่ยมเรียว ประดับลายดอกไม้ร่วง
     รอบพระธาตุรายล้อมด้วยประติมากรรมสูงใหญ่จำนวนมาก ประดับลวดลายสีทองละลานตา บดบัง ทอนความสง่างามของพระธาตุลงอย่างน่าเสียดาย
   
จากวัดมหาธาตุ ลุงฮงขับรถต่อมาเพียง 2 นาที ถึงบ้านปันสุข เวลา 15.00 น.
ปิดทริปชมเมืองหนึ่งวันอันประทับใจ

นครพนม เมืองเก่าแก่ริมโขง ก่อนกำเนิดสยามประเทศ
นครพนม เมืองสงบ ผังเมืองงดงาม ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นน่าสนใจ น่าเรียนรู้
นครพนม เมืองที่รัก...


ข้อมูลค้นจาก
     wikipedia.org
     catholichaab.com

No comments:

Post a Comment