เราเดินเล่นบริเวณจัตุรัส Ba Dinh อีกพักใหญ่
08.30 น. นั่งแท็กซี่ไปยังโรงพยาบาลเด็กแห่งฮานอย ระยะทางราว 4.5 กิโลเมตร เราไปถึงก่อนเวลานัดหมาย คุณ Chang ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ พาไปที่ห้องประชุม ตึกใหม่ (15 ชั้น)
09.00 น. Associate Professor Khu Thi Khanh Dung รองผู้อำนวยการ (Neonatologist) และ Dr. Pham Duy Hien หัวหน้าแผนกศัลยกรรม มาที่ห้องประชุม ทักทายเป็นกันเอง ด้วยเราเคยพบกันมาก่อนทั้งที่นี่และที่กรุงเทพฯ
หัวหน้าฝ่ายวิเทศสัมพันธ์บรรยายสรุปข้อมูลโรงพยาบาล
โรงพยาบาลเด็กแห่งฮานอย (Vietnam National Children’s Hospital, VNCH)
แรกเริ่มก่อตั้งเป็นสถาบันปกป้องสุขภาพเด็ก (Institute for the Protection of Child’s Health) ณ Bach Mai General Hospital เมื่อปี 1969
ปี 1975-1981 ได้รับงบสนับสนุนจากรัฐบาลสวีเดน สร้างโรงพยาบาลเด็ก เปิดเมื่อปี 1981
ปี 1981-1999 ได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคผ่านผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และด้านกิจการโรงพยาบาลจากรัฐบาลสวีเดน รับผู้ป่วยในได้ 450 เตียง ใช้ชื่อ National Hospital of Pediatrics
ปี 2014 ได้รับงบจากรัฐบาลเวียดนาม ก่อสร้างตึกใหม่ 15 ชั้น และปรับปรุงตึกเก่า 8 ชั้น
ปี 2016 เปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษเป็น Vietnam National Children’s Hospital (VNCH) และเปลี่ยนโลโก้ใหม่
ปัจจุบันเป็นศูนย์ตติยภูมิ ครอบคลุมประชากร 30 ล้านคน ภูมิภาคทางเหนือของประเทศ รับผู้ป่วยในได้ 1,500 เตียง ผู้ป่วยนอกวันละ 3,000-4,000 ราย ความสำเร็จที่โดดเด่นได้แก่ การผ่าตัดผ่านกล้อง (laparoscopic and thoracoscopic surgery) การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ (robotic surgery)
10.00 น. หลังจบพิธีการในห้องประชุม Dr. Pham Duy Hien พาชมโรงพยาบาล
ตึกใหม่ 15 ชั้นก่อสร้างเสร็จแล้ว แต่การตกแต่งภายในยังไม่เรียบร้อย จึงเปิดใช้ได้เพียงบางส่วน ได้แก่ OPD และหอผู้ป่วย คนไข้แน่นขนัด Dr. Hien เรียกส่วนนี้ว่า ‘Socialist Hospital’
ตึกเก่า 8 ชั้น ปรับปรุงไปได้ครึ่งตึก ทำเป็นคลีนิคพิเศษ สำหรับคนที่จ่ายเงินเอง Dr. Hien เรียกส่วนนี้ว่า ‘Capitalist Hospital’
ตรงโถง OPD ตึกเก่านี้ มีประติมากรรมสำริดครึ่งตัวของ Olof Palme ตั้งเด่นอยู่ บนผนังข้างๆ ติดแผ่นโลหะจารึกเป็นภาษาอังกฤษ ความว่า
‘Olof Palme (1927-1986) เป็นนายกรัฐมนตรีสวีเดน 1969-1976 และ 1982-1986 เป็นมิตรแท้ของเวียดนามในระหว่างสงคราม ท่านนำความสนับสนุนจากสวีเดนสร้างโรงพยาบาลแห่งนี้ ภายหลังกรุงฮานอยถูกระเบิดถล่มเมื่อเดือนธันวาคม 1972
ประติมากรรมนี้สำเร็จได้โดยเงินบริจาคจาก Olof Palme International Centre, Olof Palme Memorial Fund, Swedish Committee for Vietnam, Laos and Cambodia และ Social Democratic Party of Sweden ตลอดจนจากบุคคลอื่นๆ
รูปปั้นนี้จำลองจากต้นแบบที่ตั้งอยู่ ณ รัฐสภาแห่งชาติสวีเดน
ประติมากร: Thomas Qvasebo’
...ตุลาคม 1972 การเจรจาเพื่อยุติสงครามเวียดนาม ณ กรุงปารีส ระหว่าง Henry Kissinger ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงสหรัฐอเมริกา กับ Le Duc Tho ผู้แทนเวียดนามเหนือ ใกล้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง หากประธานาธิบดี Richard M. Nixon กลับไม่ยอมรับ และสั่งทิ้งระเบิดปูพรมพื้นที่จากกรุงฮานอยถึงเมืองท่าไฮฟองระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร ช่วงวันที่ 18-29 ธันวาคม 1972 ชื่อยุทธการ Operation Linebacker II หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า ‘Christmas Bombing’ โดยระดม ‘ป้อมบินยักษ์’ B-52 กว่าร้อยลำจากฐานที่เกาะกวมและอู่ตะเภา นับเป็นการทิ้งระเบิดครั้งหนักหน่วงที่สุดของสงคราม ระเบิดรวมกว่า 40,000 ตัน ฝ่ายเวียดนามปลุกกำลังใจโดยเรียกการศึกนี้ว่า ‘Dien Bien Phu in the Air’ นัยบ่งถึงชัยชนะเช่นที่เคยเอาชนะฝรั่งเศสในสมรภูมิ Dien Bien Phu เมื่อปี 1954
การโจมตีในคืนวันที่ 22 ธันวาคม 1972 ระเบิดลงยังปีกหนึ่งของโรงพยาบาล Bach Mai ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงฮานอย นายแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เสียชีวิตรวม 28 คน
วันที่ 23 ธันวาคม 1972 Olof Palme นายกรัฐมนตรีสวีเดน ปราศรัยทางวิทยุกระจายเสียงแห่งสวีเดน เปรียบยุทธการนี้กับ ‘อาชญากรรม’ ในอดีต อาทิ การทิ้งระเบิดที่ Guernica, การสังหารหมู่ที่ Oradour-sur-Glane, Babi Yar, Katyn, Lidice และ Sharpeville ตลอดจนการสังหารชาวยิวที่ Treblinka เขากล่าวว่า ‘บัดนี้อีกหนึ่งชื่อได้ถูกเพิ่มเข้าในบัญชีอาชญากรรมดังกล่าว: ฮานอย, คริสต์มาส 1972’
คำปราศรัยนี้ยังความไม่พอใจแก่สหรัฐอเมริกาเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดเรียกทูตประจำสวีเดนของตนกลับ และแจ้งแก่สวีเดนว่าไม่ต้องส่งทูตไปประจำกรุงวอชิงตันอีก
วันที่ 26 ธันวาคม 1972 ระเบิดถูกทิ้งลงย่านถนน Kham Thien ประชาชนเสียชีวิต 278 คน บาดเจ็บเกือบ 300 คน บ้านเรือนถูกทำลายกว่า 2,000 หลัง
รัฐบาลเวียดนามเหนือประณามยุทธการนี้ว่าสหรัฐอเมริกาปูพรมระเบิดใส่โรงพยาบาล โรงเรียน และเขตบ้านเรือน อย่างป่าเถื่อน ทำให้พลเรือนเสียชีวิตถึง 1,624 คน
ในสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดี Richard M. Nixon ถูกวิจารณ์ว่า ‘เป็นคนบ้า’ (a madman) หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวเรียกยุทธการนี้ว่า ‘การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ (Genocide), ‘ความป่าเถื่อนยุคหิน’ (Stone-Age Barbarism) และ ‘โหดเหี้ยมไร้สติ’ (Savage and Senseless)...
ภายหลังสงคราม รัฐบาลสวีเดนของนายกรัฐมนตรี Olof Palme ได้สนับสนุนงบประมาณและผู้เชี่ยวชาญในการก่อตั้งและดำเนินงานโรงพยาบาลเด็กแห่งฮานอย ตั้งแต่ปี 1975 ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปี
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 1986 เวลาก่อนเที่ยงคืนเล็กน้อย ที่ถนน Sveavägen กลางกรุงสต็อคโฮล์ม นายกรัฐมนตรี Olof Palme ถูกคนร้ายจ่อยิงกลางหลัง ขณะเดินกลับบ้านพร้อมภริยา (Lisbet Palme) ภายหลังชมภาพยนตร์ ท่านเสียชีวิตก่อนส่งถึงโรงพยาบาล
ตำรวจไม่สามารถจับคนร้ายได้ และจนบัดนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของการสังหารดังกล่าว!
11.00 น. Dr. Hien ต้องไปผ่าตัด จึงชวนพวกเราเข้าไปด้วย ห้องผ่าตัดยังคงใช้ห้องเดิมที่ตึกเก่า ที่ซึ่งเมื่อปี 2009 ตอนผมพบ Professor Nguyen Thanh Liem ครั้งแรก ท่านเป็นผู้นำชม…
Dr. Hien พาไปดู Robot (Da Vinci) ที่ได้งบซื้อและใช้งานมาแต่ปี 2014 อุปกรณ์แต่ละชิ้นถูกกำหนดจำนวนครั้งการใช้งานอย่างตายตัวจากผู้ผลิต ทุกอย่างล้วนราคาแพง แม้ Dr. Hien เป็นผู้ใช้เทคโนโลยีนี้ แต่ก็เห็นว่าต้นทุนสูงเกินไป ไม่เหมาะแก่ประเทศ
จากนั้นเราเข้าชมการผ่าตัด laparoscopic excision of choledochal cyst โดย Dr. Hien ทำส่วน hepatico-jejunostomy เราได้ร่วมบรรยากาศในห้องผ่าตัดที่ใช้คนไม่มาก แต่ละคนจึงต้องทำหลายหน้าที่!
เสร็จจากผ่าตัด เจ้าบ้านพาไปกินมื้อกลางวัน เราพบ Professor Le Thanh Hai ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ตรงทางออก ได้คารวะทักทายกัน ท่านเคยเยี่ยมเยือนโรงพยาบาลเด็กแห่งกรุงเทพฯ ตอนไปร่วมงานประชุมวิชาการของเราเมื่อปี 2014 วันนี้ท่านติดภารกิจหลายอย่าง จึงได้คุยกันเพียงครู่เดียว
ที่ Hai Cang Restaurant ทีมศัลยแพทย์เจ้าภาพ 5-6 คน รออยู่ก่อนแล้ว
Dr. Hien กล่าวต้อนรับคณะของเรา กล่าวถึงมิตรภาพที่เริ่มมาแต่ครั้ง Professor Nguyen Thanh Liem เป็นผู้อำนวยการและหัวหน้าแผนกศัลยกรรม
บรรยากาศเป็นกันเอง วงอาหารผ่อนคลาย
หลังอาหาร ผมกล่าวขอบคุณเจ้าภาพ ผมเล่าถึงการเริ่มต้นส่งแพทย์ประจำบ้านของเรามารับการฝึกอบรม pediatric laparoscopic surgery กับ Professor Nguyen Thanh Liem เมื่อปี 2009 ตอนนั้นท่านตอบรับโดยไม่มีพิธีรีตอง หลังจากนั้น การส่งแพทย์ประจำบ้านฝึกอบรมที่ฮานอยดำเนินต่อเนื่อง ถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 7 ปี หัวหน้าแผนกศัลยกรรมของทั้งสองฝ่ายต่างเกษียณอายุราชการไปแล้ว 2 รุ่น วาระนี้เป็นโอกาสดีที่รุ่นสามได้มาพบเยี่ยมเยือนกัน เพื่อธำรงมิตรภาพอันทรงคุณค่าระหว่างโรงพยาบาลเด็กทั้งสองต่อไป
14.00 น. เจ้าบ้านต้องกลับไปทำงาน เราร่ำลากัน
Dr. Hien มอบหมายให้ Dr. Nguyen Tho Anh แพทย์ประจำบ้านกุมารศัลยศาสตร์ ดูแลคณะเราในภาคบ่าย
ประวัติศาสตร์สอนเราให้รู้จัก ‘มิตรแท้’
Olof Palme แห่งสวีเดน มิเพียงแต่ปราศรัย ต่อต้านความรุนแรง และการใช้กำลังข่มเหงของ ‘มหาอำนาจ’ ที่นับว่าเป็น ‘อาชญากรรม’ หากให้ความสนับสนุนเป็นรูปธรรม จนเกิดโรงพยาบาลเด็กแห่งฮานอย ซึ่งพัฒนามาอย่างสำคัญถึงทุกวันนี้
ประวัติศาสตร์สอนเราให้รู้จัก ‘คนพาล’
เราพึงหลีกเลี่ยง หลีกหนีจาก ‘คนพาล’ เช่นคำพระที่สอนว่า นตฺถิ พาเล สหายตา ความเป็นสหาย ไม่มีในคนพาล
ข้อมูลค้นจาก
Lady Borton. Ho Chi Minh: A Journey. Hanoi: Gioi Publishers. 2007.
Duiker, WJ. Ho Chi Minh. Adelaide: Allen & Unwin. 2000.
Vietnam. National Geographic Traveler. 2006.
wikipedia.org