June 10, 2017

Phnom Penh: National Pediatric Hospital: 04.08.2016

วันสุดท้ายของทริปพนมเปญ
เรากินมื้อเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม สถาปัตยกรรมน่าสนใจ โถงสูงสามชั้นขนาดใหญ่ ชั้นสองและชั้นสามทำเป็นระเบียงกว้างเกาะข้างผนังแบบเดียวกับโรงโอเปร่า บันไดขึ้นกว้างขวางโอ่อ่า หลังคาโค้งขนาดใหญ่เลื่อนเปิดปิดได้ ผนังตึกทาสีขาวตัดกับเครื่องตกแต่งไม้และโลหะทาสีโอ๊คเข้ม ดูขรึมขลังสะอาดสะอ้าน อาหารหลากหลายเอร็ดอร่อย
 
08.00 น. Check-out นั่งแท็กซี่ไปยัง National Pediatric Hospital รถแล่นไปทางตะวันตกตามถนน Confederation de la Russie (110) ราว 4 กิโลเมตร โรงพยาบาลตั้งอยู่บนถนน 122
     เรานัดทีมกุมารศัลยแพทย์ National Pediatric Hospital ไว้แล้ว เพื่อขอเยี่ยมชมโรงพยาบาล
     Dr. Ou Cheng Ngiep รออยู่ที่ประตูทางเข้า ทักทายกันด้วยความยินดี แววตา ภาษากาย จริงใจยิ่ง เราเคยพบกัน 3 ครั้ง ที่กรุงเทพฯ 2 ครั้ง คราวประชุมวิชาการโรงพยาบาลเด็ก ปี 2014 และ 2016 กับอีกครั้งหนึ่งที่นครเวียงจันทน์ คราวประชุมวิชาการ ASEAN Society of Pediatric Surgery (ASPS) ปี 2015
     ตึกศัลยกรรม ใหม่และสะอาดกว่าตึกอื่น สำนักงานอยู่ที่ชั้นสอง Professor Vuthy Chhoeurn หัวหน้าแผนก ตามมาสมทบ เราพูดคุยกันหลายเรื่อง อาทิ
        Dr. Ou Cheng Ngiep อธิบายภูมิศาสตร์ของพนมเปญ ผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ บนทำเลที่ดียิ่ง แม่โขงจากทางเหนือไหลผ่านเมืองด้านตะวันออก แยกสาขาหนึ่งไปตามที่ลาดแอ่งย้อนกลับขึ้นเหนือ เป็นแม่น้ำต็วนเลซาบ (Tonle Sap River) ต่อเนื่องสู่ที่ราบลุ่มต่ำทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ขยายออกเป็นต็วนเลซาบ (Tonle Sap Lake) ทะเลสาบน้ำจืดใหญ่ที่สุดของอุษาคเนย์ แหล่งอาหารสำคัญของกัมพูชา ที่ตอนล่างของพนมเปญ แม่โขงแยกสาขาเป็นแม่น้ำ Bassac ไหลไปทางใต้ ส่วนแม่โขงสายหลักไหลต่อลงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ออกจากกัมพูชา ผ่านประเทศเวียดนาม ดินดอนสามเหลี่ยม (delta) ลงสู่ทะเลจีนใต้
        Professor Vuthy Chhoeurn พูดถึงเงินเดือนข้าราชการกัมพูชาที่ไม่เพียงพอ แม้แต่ระดับ professor แต่ละคนจึงต้องดิ้นรนหารายได้เสริมเอง รัฐบาลให้ข่าวปรับขึ้นเงินเดือนมาหลายโอกาส แต่ก็เป็นเพียงข่าว ผมให้กำลังใจท่านว่าการปรับขึ้นเงินเดือนน่าจะเป็นจริงในเร็ววัน เพื่อต้อนรับการเลือกตั้งระดับคอมมูนปี 2017 และการเลือกตั้งทั่วไปปี 2018 ท่านหัวเราะเห็นด้วย และย้อนถามว่าประเทศไทยเป็นอย่างไร เหมือนกันหรือไม่ ผมตอบว่าเราคงยังไม่มีการเลือกตั้งไปอีกพักใหญ่!
     09.30 น. เข้าพบผู้อำนวยการโรงพยาบาล Dr. Nhep Angkeabos ราว 15 นาที
     จากนั้น เจ้าบ้านนำชม
        ตึกกุมารเวชกรรมประกอบด้วย OPD, ER และหอผู้ป่วย
        ตึกศัลยกรรมประกอบด้วย OPD หอผู้ป่วย และห้องผ่าตัด (3 ห้อง) นอกจากนี้มีห้องเล่นเด็ก ใหม่เอี่ยม สีสันลวดลายการ์ตูนน่ารัก หากประดับด้วยโลโก้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป! สปอนเซอร์ใหญ่
        ตึก HIV/TB
        ตึกโภชนาการ เครื่องครัวและวัตถุดิบประกอบอาหารได้รับงบสนับสนุนจากองค์กรของประเทศญี่ปุ่น
        ปิดท้ายที่ห้องประชุม Professor Vuthy Chhoeurn สรุปภาพรวมของโรงพยาบาล ซึ่งเปิดได้ใหม่เมื่อปี 1980 ภายหลังการล่มสลายของระบอบเขมรแดง ภาระงานของแผนกศัลยกรรม การฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน และหารือความร่วมมือระหว่างสถาบันของเราในอนาคต

12.30 น. Professor Vuthy Chhoeurn พาคณะเราไปกินมื้อกลางวันที่ One More Restaurant เจ้าบ้าน 5-6 คน ไปรออยู่ก่อนแล้ว การเสวนาต่อในวงอาหารยิ่งเป็นกันเอง

14.00 น. Professor Vuthy Chhoeurn ขับรถพาเรากลับ ขณะเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล ผมถามท่านถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 เมษายน 1975 ตอนเขมรแดงเข้ายึดกรุงพนมเปญ ท่านเหยียบเบรคหยุดรถทันที กลืนก้อนทรงจำขมขื่นอย่างยากเย็น…
        ‘...เขมรแดงสั่งให้ชาวพนมเปญอพยพออกจากเมืองทั้งหมด โดยขู่ว่าสหรัฐอเมริกากำลังมาทิ้งระเบิดถล่ม ให้เอาเพียงเสื้อผ้าสำหรับ 2-3 วัน ไม่ต้องขนของไป ไม่ต้องล็อคบ้าน เพราะนี่เป็นการชั่วคราว
        การอพยพนี้ไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่คนไข้ในโรงพยาบาล โรงพยาบาลกลายเป็นที่ร้าง หลายพันคนเสียชีวิตระหว่างการเดินทางอันฉุกละหุกนี้ โดยเฉพาะเด็ก คนแก่ คนเจ็บป่วย หญิงตั้งครรภ์จำนวนมากเสียชีวิตระหว่างการคลอดที่ไม่มีใครดูแล เด็กหลายคนพลัดหลงจากครอบครัว คนส่วนมากไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและอนาคตจะเป็นอย่างไร
        คนที่กลับไปบ้านเกิดในชนบทคิดผิด ที่นั่นทุกคนรู้จักกัน ใครเป็นใคร ใครทำอาชีพอะไร ที่สุดพวกข้าราชการ นักวิชาการ ครู นายแพทย์ คนมีการศึกษา คนใส่แว่นตา (เครื่องหมายแสดงว่าอ่านหนังสือ) ถูกจับกุม ทรมาน และสังหาร...’
     ผมไม่อาจซักถามต่อ โดยเฉพาะประสบการณ์ตรงต่อครอบครัวของท่าน สามปีเศษที่เขมรแดงยึดครองประเทศ ประชาชนเสียชีวิตไปกว่า 2 ล้านคน จะมีครอบครัวใดที่ไม่ประสบชะตากรรมกระนั้นหรือ?
     เราร่ำลาเจ้าบ้านที่สำนักงานศัลยกรรม การพบปะ แลกเปลี่ยนเยี่ยมเยือน ได้เห็นโรงพยาบาล สภาพคนไข้ สภาพบ้านเมือง เป็นปัจจัยสำคัญต่อความเข้าใจและมิตรภาพระหว่างกัน
     เราเดินทางกลับประเทศไทยด้วยเที่ยวบินค่ำ 21.15 น. ใช้เวลาเพียง 1.15 ชั่วโมง เครื่องก็ร่อนลงสู่สุวรรณภูมิ

ทริปพนมเปญ 3 วันนี้ เป็นโอกาสดีในการเรียนรู้จักประเทศกัมพูชา ประเทศเก่าแก่แต่ครั้งอาณาจักรขอม ศิลปวัฒนธรรมที่ข้ามไปมาระหว่างกันกับสยาม ภาษาที่ร่ำรวยศัพท์และสร้อยให้แปลงเป็นราชาศัพท์ ตลอดจนตัวเขียนเลขไทยหรือเลขเขมร?
     ประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัยอันขมขื่นและเข้าใจยากที่สุด ได้แก่ยุคเขมรแดงที่เรียกประเทศว่า กัมพูชาประชาธิปไตย (Democratic Kampuchea) (1975-1979) นักประวัติศาสตร์ส่วนมากเห็นพ้องกันว่า เขมรแดงมุ่งมั่นในการนำประเทศสู่ ‘ชาติแห่งชาวนาและกรรมาชีพ’ นัยเพื่อถอนรากคอรัปชั่น ศักดินา และทุนนิยม เขมรแดงโฆษณาว่าสังคมเมืองชั่วร้าย มีแต่เกษตรกรในชนบทเท่านั้นที่ ‘บริสุทธิ์’ สำหรับการปฏิวัติของตน หากนโยบายและปฏิบัติการสุดโต่ง อีกทั้งทารุณกรรมที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตกว่า 2 ล้านคน ซึ่งถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (genocide) มิอาจตอบคำถามหรือบรรลุวัตถุประสงค์ข้อใดเลย
     ผู้ปกครองกดขี่ผู้ถูกปกครอง ผู้ถืออำนาจข่มเหงผู้ไร้อำนาจ เป็นสัจธรรมปรากฏในทุกหนแห่ง ทุกยุค ทุกระบอบ

ผมรำพึงถึงบทกวีของ วิสา คัญทัพ เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 1973 (พ.ศ. 2516)

ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า        ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาบสูญ
ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน         ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป
เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่              ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่
เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ       ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน



ข้อมูลค้นจาก  
     wikipedia.org
     Dy K. A History of Democratic Kampuchea (1975-1979). Documentation Center of Cambodia. Phnom Penh, Cambodia. 2007.

No comments:

Post a Comment