September 16, 2015

Hiroshima mon Amour: 06.08.2015

Hiroshima วันที่ 6 สิงหาคม 1945 เวลา 8.15 น...
ระเบิดปรมาณู (Atomic Bomb) ชนิด uranium ชื่อรหัส 'Little Boy' ความยาว 3 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.7 เมตร น้ำหนัก 4 ตัน ถูกปล่อยจากเครื่องบิน B-29 ชื่อ 'Enola Gay' (ตั้งตามชื่อมารดาของนักบิน Colonel Paul W. Tibbets) ที่ความสูง 9,400 เมตร เป้าหมายคือสะพาน Aioi ตรงจุดที่แม่น้ำ Ota แยกสาขาเป็นแม่น้ำ Hon และแม่น้ำ Motoyasu
     ระเบิดประกอบด้วย uranium-235 ขนาด subcritical mass 2 ก้อน น้ำหนักรวม 64 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยดินระเบิด ทำให้ uranium ก้อนแรกรวมกับก้อนที่สองเป็น supercritical mass เกิด nuclear fission chain reaction และระเบิด 44.4 วินาทีต่อมา ที่ความสูง 580 เมตร hypocenter คือ Shima Hospital
     ขณะระเบิด เกิดลูกไฟ เส้นผ่าศูนย์กลาง 100 เมตร กลางอากาศ อุณหภูมิ 300,000 องศาเซลเซียส ในรัศมี 17 เมตร และ 9,000 ถึง 10,000 องศาเซลเซียส ในรัศมี 50 เมตร อุณหภูมิบนพื้นดินที่ hypocenter 6,000 องศาเซลเซียส
     หลังระเบิด 5 นาที เกิดกลุ่มเมฆรูปดอกเห็ดสีเทาดำ เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 กิโลเมตร เหนือใจกลางเมือง ตรงกลางดอกเห็ดปรากฏกลุ่มควันสีขาวเป็นลำสูงขึ้นไปถึง 17,000 เมตรและขยายตัวออกบนยอด
     ความกดอากาศที่ hypocenter เท่ากับ 4.5-6.7 ตันต่อตารางเมตร เป็นเวลา 0.4 วินาที
     ตึกรามในรัศมี 2 กิโลเมตรของ hypocenter ถูกทำลายราบและไฟลุกไหม้
     ตลอดทั้งวัน เมฆ cumulonimbus ดำทะมึนปกคลุมทั้งเมือง ฝนตกตั้งแต่ 9.00-16.00 น. ตอนแรกน้ำฝนเป็นสีดำ ข้น เหนียว เต็มไปด้วยอนุภาคกัมมันตรังสี 'ฝนดำ' นี้ตกอยู่ 1-2 ชั่วโมง จากนั้นจึงเป็นฝนปกติ ในท่ามกลางฝน อุณหภูมิลดลงอย่างฮวบฮาบทั้งที่เป็นช่วงกลางฤดูร้อน ผู้คนที่หนีจากไฟไหม้แทบไม่มีเสื้อผ้าปกคลุม จึงต้องหนาวสั่นทุกข์ทรมานยิ่งขึ้น
     แหล่งน้ำ ต้นไม้ ใบหญ้า ปลาในแม่น้ำ ต่างปนเปื้อนอนุภาคจำนวนมาก
     ผู้คนเสียชีวิตในวันนั้นประมาณ 70,000 คน ผู้บาดเจ็บและได้รับอนุภาคกัมมันตรังสีเสียชีวิตในเวลาต่อมา จนถึงสิ้นปี 1945 อีกประมาณ 70,000 คน รวมทั้งสิ้น 140,000 คน เท่ากับหนึ่งในสามของประชากร Hiroshima จำนวนนี้เป็นทหารเพียงประมาณ 20,000 นาย

Hiroshima ต้นปี 1959...
เธอกับเขาพบกันครั้งแรกที่ Hiroshima Peace Memorial Park
     เธอเป็นสาวสวยชาวฝรั่งเศส เป็นนักแสดงนำในกองถ่ายภาพยนตร์ร่วมฝรั่งเศส-ญี่ปุ่น ถ่ายทำสารคดีสภาพของ Hiroshima 14 ปี ภายหลังถูกถล่มด้วยระเบิดปรมาณู
     เขาเป็นสถาปนิกชาวญี่ปุ่น เป็นคน Hiroshima เขาพูดภาษาฝรั่งเศสได้คล่อง
     ทั้งสองพบกัน รักกัน ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
     เธอเล่าให้เขาฟังว่าเธอไปเยี่ยมโรงพยาบาลมา 4 ครั้ง และไปเดินชมพิพิธภัณฑ์ 4 ครั้งเช่นกัน พิพิธภัณฑ์ซึ่งไม่มีสิ่งของจัดแสดง...นั่นสิ! จะมีอะไรเหลือให้จัดแสดงภายหลังระเบิดปรมาณูลูกนั้น...เธอคิดว่าเธอคุ้นเคยกับ Hiroshima แต่เขากลับบอกเธอว่า เธอยังไม่รู้จัก Hiroshima ด้วยซ้ำ
     เธอกับเขามีเวลาอยู่ด้วยกัน เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ด้วยภาพยนตร์ถ่ายทำใกล้เสร็จ และไม่นานเธอก็จะกลับฝรั่งเศส ความอาดูรที่ต้องพรากจากกัน ทำให้เธอและเขาเปิดเผยความทรงจำอันขมขื่นของตนในระหว่างสงคราม...ความรัก ความพลัดพราก ความสูญเสีย ความเจ็บปวด...ที่เสมือนกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง

...เธอเป็นสาวรุ่นตอนสงครามเกิดขึ้น ไม่นานประเทศฝรั่งเศสก็ถูกกองทัพเยอรมนีเข้ายึดครอง อย่างไรก็ตาม บ้านของเธอที่เมือง Nevers ริมแม่น้ำ Loire ซึ่งอยู่ตอนกลางของประเทศยังไม่ถูกทำลายเสียหาย เธอพบรักแรกกับทหารหนุ่มเยอรมัน และลอบพบปะกัน เมื่อพ่อแม่จับได้ เธอถูกลงโทษ ขังไว้ในห้องใต้บันได และเพื่อให้เธออับอายมากยิ่งขึ้น เธอจึงถูกกล้อนผมที่งดงามออก
     จากนั้นไม่นาน ทหารหนุ่มเยอรมันคนรักของเธอ ถูกพวกใต้ดินฝรั่งเศสยิงเสียชีวิต ถึงตอนนี้ เธอเสียสติ ไม่พูดไม่จาไปจนภายหลังสงคราม...

...เขาถูกเกณฑ์ทหารและร่วมรบในระหว่างสงคราม ประจำการห่างจากบ้านเกิด
ครอบครัวของเขาทั้งหมด อยู่ที่ Hiroshima เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945...

เธอรำพึงถึงเขา ความรักที่ขุดคุ้ยความทรงจำขมขื่นในอดีต และความรู้สึกผิดต่อการลืมเลือน...เธอจำใบหน้าทหารหนุ่มเยอรมันของเธอไม่ได้แล้ว!...เมื่อเธอกลับฝรั่งเศส เธอก็คงจำใบหน้าของเขาไม่ได้เช่นกัน ความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว ไปไม่รอด เป็นเช่น Hiroshima ที่ถูกปรมาณูถล่ม สตรี Hiroshima ที่ตื่นขึ้นมาพบว่าผมของตนหลุดร่วง ก็เป็นเช่นเธอที่ถูกกล้อนผม
     เธอบอกเขาว่า Hiroshima คือชื่อของเขา เขาตอบเธอว่า ใช่ นั่นคือชื่อของเขา และ Nevers คือชื่อของเธอ...Nevers ในประเทศฝรั่งเศส

Alain Resnais (1922-2014) ได้รับมอบหมายจากผู้สร้างให้กำกับภาพยนตร์สารคดีหลังสงคราม เรื่องระเบิดปรมาณูที่ Hiroshima เขาสับสนอยู่หลายเดือนว่าจะวางโครงเรื่องอย่างไรจึงจะไม่ซ้ำกับสารคดีเกี่ยวกับ Holocaust ชื่อ Night and Fog ที่เขาทำในปี 1955 ในที่สุดเขาต้องขอให้ Marguerite Duras (1914-1996) เป็นผู้เขียนบท ตอนนั้น Duras กำลังโด่งดังจากหนังสือ 2 เล่มของเธอ The Sea Wall (1950) และ Moderato Cantabile (1958)
     Duras ใช้เวลาเขียนบทนาน 2 เดือน และงานที่ Resnais กำกับต่อมา จึงมิใช่ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Hiroshima ภายหลังระเบิดปรมาณู แบบพื้นๆ หากเป็นการถักทอปัจจุบันกับอดีตเข้าด้วยกัน ผ่านความรักระหว่างหญิงสาวชาวฝรั่งเศส กับชายหนุ่มชาวญี่ปุ่น ความทรงจำ การลืมเลือน โศกนาฏกรรมส่วนตัว? หรือหายนะมหาศาลของผู้คนทั้งเมือง?

Hiroshima mon Amour
(mon amour เป็นคำฝรั่งเศส แปลว่า 'ที่รักของฉัน')
     เป็นภาพยนตร์ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่ามีอิทธิพลอย่างสำคัญต่อ Nouvelle Vague (คลื่นลูกใหม่) ของภาพยนตร์ฝรั่งเศส
     Emmanuelle Riva (1927-  ) แสดงเป็น เธอ
     Eiji Okada (1920-1995) แสดงเป็น เขา
     สถานที่ถ่ายทำ: Hiroshima ประเทศญี่ปุ่น และ Nevers ประเทศฝรั่งเศส
     วันที่ออกฉาย: 10 มิถุนายน 1959

Emmanuelle Riva อายุ 32 ปี ตอนที่แสดงนำใน Hiroshima mon Amour หนังเรื่องนี้ทำให้เธอโด่งดัง เป็นที่รู้จักทั่วไป จากนั้นเธอมีผลงานแสดงต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งภาพยนตร์ โทรทัศน์ และละครเวที
     ปี 2012 เธอแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง Amour ซึ่งเขียนบทและกำกับโดย Michael Haneke ผู้กำกับชื่อดังชาวออสเตรีย เธอรับบทเป็น Anne Laurent อดีตครูสอนดนตรี อายุแปดสิบกว่า มีชีวิตสบายๆ หลังเกษียณ อยู่กับสามีวัยเดียวกัน แต่ต่อมาเธอเกิด strokes หลายครั้ง ทำให้สูญเสียความจำ สูญเสียการเคลื่อนไหว และที่สุดสูญเสียจิตใจ บทบาทดังกล่าวทำให้ Riva ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Academy Awards สาขาดารานำฝ่ายหญิง ประจำปี 2012 ตอนนั้นเธออายุ 85 ปี นับเป็นดารานำฝ่ายหญิงอาวุโสสูงสุดที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Academy Awards
     นอกจากงานแสดงแล้ว Riva ยังมีผลงานเขียนหนังสือ และบทกวี ตีพิมพ์อีกหลายเล่ม
     ในห้วงเวลาการถ่ายทำ Hiroshima mon Amour เธอเองก็ได้บันทึกภาพชีวิตประจำวันของผู้คน โดยเฉพาะเด็กๆ ในเมืองที่ค่อยๆ ฟื้นตัวจากระเบิดปรมาณู เธอเก็บรักษาฟิล์ม 6x6 monochrome format ต้นฉบับเหล่านี้เป็นอย่างดี จน 50 ปีให้หลัง ภาพผู้คนและบ้านเมือง Hiroshima ในอดีต ผ่านเลนส์กล้องของเธอ ได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือรูปภาพภาษาญี่ปุ่น ชื่อ 'Hiroshima 1958' และได้จัดแสดงนิทรรศการภาพถ่าย ณ Ginza Nikon Salon กรุงโตเกียว เมื่อเดือนธันวาคม 2008 หนังสือรูปภาพนี้ได้ตีพิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศสชื่อ 'Tu n'as rien vu à Hiroshima' ในปี 2009

Hiroshima mon Amour เป็นหนังคลาสสิก เขียนบทโดยนักเขียนชื่อดัง กำกับโดยผู้กำกับฝีมือดี และนำแสดงโดยดาราสาวสวย ซึ่งต่อมาได้สร้างผลงานหลากหลายทั้งในฐานะนักแสดง กวี ช่างภาพ และศิลปิน
Emmanuelle Riva เธอช่างน่านิยม
Emmanuelle Riva mon Amour


ข้อมูลค้นจาก
     Kosakai Y. A-Bomb: A City Tells Its Story. Hiroshima Peace Culture Foundation. 1972.
     Kosakai Y. Hiroshima Peace Reader. Hiroshima Peace Culture Foundation. 2007.
     Hiroshima. Hiroshima Peace Culture Foundation. 2006.
     wikipedia.org
     imdb.com
     criterion.com
     japanexposures.com
     en.rocketnews24.com
     tokyoartbeat.com
     liberation.fr
   
   

September 1, 2015

Ame ni mo Makezu「雨ニモマケズ」: 27.07.2015

จังหวัด Iwate อยู่ในเขต Tohoku ทางเหนือของเกาะ Honshu เป็นจังหวัดที่มีประชากรเบาบางที่สุด หากไม่นับ Hokkaido ภูมิประเทศอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้งดงาม
     ตอนผมเขียนเรื่อง Komori (小森) จากภาพยนตร์ 'Little Forest' ซึ่งถ่ายทำที่ Oshu จังหวัด Iwate ภาพป่าเขา ลำธาร ท้องนา ธรรมชาติยิ่งใหญ่ เปลี่ยนแปลงตามกาลทั้งสี่ฤดู ทำให้ระลึกถึงบทกวี 'Ame ni mo Makezu'「雨ニモマケズ」ของ Kenji Miyazawa (1896-1933) กวีผู้มีบ้านเกิดอยู่ที่เมือง Hanamaki จังหวัด Iwate...

雨ニモマケズ
風ニモマケズ
雪ニモ夏ノ暑サニモマケヌ
丈夫ナカラダヲモチ
慾ハナク
決シテ瞋ラズ
イツモシヅカニワラッテヰル
一日ニ玄米四合ト
味噌ト少シノ野菜ヲタベ
アラユルコトヲ
ジブンヲカンジョウニ入レズニ
ヨクミキキシワカリ
ソシテワスレズ
野原ノ松ノ林ノ蔭ノ
小サナ萓ブキノ小屋ニヰテ
東ニ病氣ノコドモアレバ
行ッテ看病シテヤリ
西ニツカレタ母アレバ
行ッテソノ稻ノ朿ヲ負ヒ
南ニ死ニサウナ人アレバ
行ッテコハガラナクテモイヽトイヒ
北ニケンクヮヤソショウガアレバ
ツマラナイカラヤメロトイヒ
ヒドリノトキハナミダヲナガシ
サムサノナツハオロオロアルキ
ミンナニデクノボートヨバレ
ホメラレモセズ
クニモサレズ
サウイフモノニ
ワタシハナリタイ

ผมถอดความดังนี้...

ไม่แพ้แม้ห่าฝน              ฤาย่อย่นวายุใหญ่
เหมันต์หนาวเพียงใด     คิมหันต์ไหม้ไม่ระอา
กายายังแข็งแกร่ง          มิพ่ายแรงปรารถนา
ปลอดจิตคิดบีฑา           อุเบกขาขันติธรรม

ข้าวสวยกับแกงจืด         กินผักพืชพออิ่มหนำ
ทุกทิศกิตติกรรม           ให้ทั่นล้ำนำอัตตา
ดูเห็นฟังยินเสียง            เข้าใจเที่ยงไม่เลือนล้า
เนานิ่งในพนา                กระท่อมหญ้าหลังคาคลุม

เด็กป่วยบุรพาทิศ          จักไปพิศเพียรสุขุม
ประจิมแม่จนมุม            จักโอบอุ้มเอื้ออาทร
มรณา ณ ทักษิณ           สงบจินต์สงบสอน
เบาะแว้งแห่งอุดร          จักชวนทอนผ่อนราวี

ยามแล้งนาแห้งผาก      น้ำตาพรากยากสุขี
ฤดูไร้สมประดี               ฤทัยนี้กระวนกระวาย

ใครใครไม่รู้จัก             ไม่ยอรักฤาว่าร้าย
คือคุณคนเรียบง่าย       คือคุณชายฉันจักเป็น

Kenji Miyazawa เป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวที่มีฐานะดี บิดาเป็นเจ้าของโรงรับจำนำ ธุรกิจซึ่งสร้างรายได้ท่ามกลางความลำบากของชาวนาในละแวกนั้น เป็นปัจจัยสำคัญต่อความคิดและการดำเนินชีวิตของเขา เขาสำเร็จการศึกษาจาก Morioka Agriculture and Forestry College ในปี 1918 เมื่ออายุ 20 ปี
     ปลายปี 1918 ถึงต้นปี 1919 Kenji และมารดาย้ายไปพำนักที่ Tokyo เพื่อดูแล Toshi น้องสาวซึ่งป่วยหนักขณะศึกษา ณ Japan Women's University
     Kenji Miyazawa เขียนบทกวีตั้งแต่อายุ 15 ปี ด้วยฉันทลักษณ์แบบ tanka เขาเขียนไว้นับพันบท อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 1921 เขาเปลี่ยนรูปแบบร้อยกรองให้เป็นอิสระกว่า tanka และเขียนเรื่องสำหรับเด็กด้วย
     ปี 1922 Toshi น้องสาวที่เขารักมาก ป่วยและเสียชีวิต Kenji เขียนบทกวีขนาดยาว 3 บท รำลึกถึงเธอในลักษณะ 'บทสนทนา' ระหว่างเขากับ Toshiko (ชื่อที่เขาเรียกน้องสาว) ในบทกวีนี้ ภาษาที่ Toshiko ใช้เป็นภาษาถิ่น มิใช่ภาษาญี่ปุ่นทั่วไป
     1923-1926 Kenji กลับไปเป็นครูที่บ้านเกิด สอนที่ Hanamaki Agricultural High School หลังจากนั้น เขาลาออก เพื่อเป็นชาวนาและใช้ความรู้ที่เรียนมาพัฒนาการเกษตร เขาชวนให้ชาวนาอ่านบทกวี ฟังดนตรี เพื่อสุนทรียภาพของชีวิต เขาตั้ง Rasuchijin Society จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม อาทิ การอ่านวรรณกรรม บทละคร การแสดงดนตรี แต่เมื่อประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่รัฐทหารในปี 1928 Rasuchijin Society ก็ถูกปิดตาย
     สุขภาพของ Kenji เริ่มแย่ลง เขาป่วยเป็นปอดบวมในปี 1928 และอีกครั้งในปี 1931 เขาเขียนบทกวี 'Ame ni mo Makezu'「雨ニモマケズ」ในสมุดโน้ตปกดำของเขาในวันที่ 3 พฤศจิกายน 1931 ขณะนอนป่วยอยู่ที่บ้าน
     Kenji Miyazawa ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 21 กันยายน 1933 อายุเพียง 37 ปี

'Ame ni mo Makezu'「雨ニモマケズ」เป็นที่รู้จักภายหลัง Kenji จากไปแล้ว เขาเขียนบทกวีนี้ด้วยอักษร katakana เป็นหลัก ใช้ kanji อย่างจำกัด เพื่อให้ชาวนาซึ่งเรียนหนังสือไม่มาก เข้าถึงบทกวีนี้ได้ง่าย (ปัจจุบัน อักษร katakana ใช้ในการเขียนคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ ส่วนคำญี่ปุ่นใช้อักษร hiragana)
     เนื้อหาของ 'Ame ni mo Makezu'「雨ニモマケズ」พูดถึงความเข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ความลำบาก อดทนต่อดินฟ้าอากาศ การมีชีวิตเรียบง่าย รู้จักฟัง รู้จักเห็น เข้าใจ จดจำ เห็นแก่ผู้อื่น พร้อมช่วยเหลือ โดยไม่ต้องการชื่อเสียง ไม่หวังผลตอบแทน

วันที่ 11 มีนาคม 2011 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.0 epicenter อยู่ที่ 70 กิโลเมตร ทางตะวันออกของ Oshika Peninsula เขต Tohoku hypocenter ลึกลงไปใต้มหาสมุทร 30 กิโลเมตร เป็นการไหวรุนแรงที่สุดเท่าที่มีการบันทึกของญี่ปุ่น ทำให้เกาะ Honshu ทั้งเกาะเคลื่อนไป 2.4 เมตรทางตะวันออก แผ่นดินไหวยังทำให้เกิด tsunami ซัดเข้าทั้งเขต Tohoku คลื่นสูงสุดถึง 40.5 เมตรที่ Miyako จังหวัด Iwate น้ำทะลักเข้าแผ่นดินไกลสุดถึง 10 กิโลเมตรที่ Sendai
     Tsunami ทำความเสียหายแก่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Fukushima Daiichi ระบบหล่อเย็นใช้การไม่ได้ แกนเตาปฏิกรณ์หลอมละลาย และระเบิดไป 3 เตา เกิดการรั่วไหลของอนุภาค
     ภัยพิบัติต่อเนื่องทั้งสาม สร้างความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และกำลังใจของผู้รอดตาย อย่างเหลือคณา

'Ame ni mo Makezu'「雨ニモマケズ」ถูกนำมาอ่านออกเสียง ในโรงเรียน ในที่สาธารณะ หรืออ่านเป็นกำลังใจเงียบๆ ในครอบครัว
     ไม่กี่วันหลังแผ่นดินไหวที่เรียกว่า 'The Great East Japan Earthquake' Ken Watanabe นักแสดงชื่อดัง เปิด website: kizuna311.com เริ่มด้วยการอ่านบทกวีให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ และระดมเงินบริจาค หนึ่งในบทกวีสำคัญคือ 'Ame ni mo Makezu'「雨ニモマケズ」
   
บทกวีเรียบง่าย เขียนโดยคนธรรมดา ขณะนอนป่วยอยู่บนเตียง เมื่อ 80 ปีก่อน กลับสามารถสร้างกำลังใจแก่ผู้คนจำนวนมาก ในยามที่ประเทศญี่ปุ่นย่อยยับและยากลำบากที่สุดนับแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
ขอคารวะท่าน Kenji Miyazawa...


ข้อมูลค้นจาก
     wikipedia.org
     kenji-world.net
     kizuna311.com