October 23, 2014

Bangkok on Foot: วัดราชบพิธ สวนสราญรมย์ วัดราชประดิษฐ์: 15.10.2014

สายวันนี้นั่งรถเมล์เย็นไปสนามหลวง รถจอดตรงศาลฎีกา ตึกใหญ่สีเทาที่เคยสง่างาม ขรึมขลัง กำลังถูกทุบเป็นกองอิฐ กองปูน หม่นหมองภายในรั้วกั้นที่ปิดไว้ลวกๆ
    เดินไปตามถนนราชดำเนินใน ถึงมุมศาลหลักเมือง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหน้าหับเผย 'หับเผย' คือเรือนจำสำหรับนักโทษจำพวกลหุโทษซึ่งในอดีตเคยตั้งอยู่บริเวณนี้ ประตูเรือนจำ 'หับ' (ปิด) ในตอนเย็น และ 'เผย' (เปิด) ในตอนเช้า
    ผ่านสำนักงานอัยการสูงสุด ผ่านศาลเยาวชนและครอบครัวกลางร้างผู้คนเพราะย้ายออกไปอยู่ที่ใหม่ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2557

สุดถนนหน้าหับเผย เลี้ยวขวาเข้าถนนราชินี เลียบคลองคูเมืองเดิมด้านตะวันตก ฝั่งตรงข้ามเลียบด้านตะวันออกของคลองคือถนนอัษฎางค์ ถนน-คลอง-ถนน ต้นไม้ริมคลอง ตึกแถวแค่สองชั้น เก่าแก่แต่ครั้งรัชกาลที่ 5 บานหน้าต่างไม้ กรอบหน้าต่างปูนปั้นประดับ ลวดลายมีชั้นเชิง องค์ประกอบทั้งหมดชวนให้เพลิดเพลินยิ่ง

คลองคูเมืองเดิมมีสะพานคนข้ามสำคัญที่ยังคงรักษาของเก่าไว้ ได้แก่ สะพานปีกุน และสะพานหก
    สะพานปีกุนนั้นสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้สร้างขึ้นในวโรกาสพระชนมายุครบสี่รอบ (พ.ศ. 2454) เชิงสะพานทั้งสองฝั่ง มีเสาฝั่งละ 2 ต้น รวมทั้งหมด 4 ต้น เป็นเสาคอนกรีตเซาะร่อง หัวเสาเป็นรูปถ้วยประดับช่อมาลา มีวงรูปไข่สี่วงทุกเสา ต้นเสาหมายถึงเทียนประทีปพระชันษา แต่เป็นตะเกียงไม่มีแสง เสา 4 ต้นแทนสี่รอบพรรษานี้ เมื่อขาดพระราชสวามีไปก็คล้ายดวงชวาลาที่อับแสง ขาดความรุ่งโรจน์
    เชิงสะพานปีกุนฝั่งตะวันตกมีอนุสาวรีย์หมู อนุสาวรีย์นี้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ พระยาพิพัฒนโกษา และพระยาราชสงคราม ร่วมกันสร้างเป็นอนุสรณ์ถวายสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เมื่อมีพระชนมายุครบ 50 พรรษา (พ.ศ. 2456) เป็นอนุสาวรีย์สหชาติของผู้เกิดปีกุน รูปปั้นหมูอยู่บนเขาหินจำลองมีท่อน้ำพุเป็นอุทกทานแก่ประชาชน มีจารึกถวายพระพรและชื่อผู้สร้างประดับไว้
    ส่วนสะพานหกสร้างขึ้นเมื่อคราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี (พ.ศ. 2525) ตามแบบโบราณ มีโซ่ ลูกตุ้มถ่วง กลไกยกสะพานขึ้นได้เพื่อให้เรือผ่าน

ต้นทางจุดปล่อยรถเมล์ 4-5 สาย อยู่ต่อๆกันริมคลองด้านถนนราชินี กับเพิงขายอาหารตามสั่งหลายเพิง ทำบริเวณสกปรก รกรุงรัง เสียสภาพ

ริมรั้วกระทรวงมหาดไทย ถนนอัษฎางค์ ตึกหน้าคือศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย ตึกเก่าสง่างามแต่ครั้งรัชกาลที่ 5 มีพระรูปสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดี ประทับนั่งอยู่ด้านหน้า แท่นใต้พระรูป จารึกปณิธานสำคัญ 'บำบัดทุกข์ บำรุงสุข'

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นวัดประจำรัชกาลเมื่อ พ.ศ. 2412 มีลักษณะผสมระหว่างสถาปัตยกรรมไทยกับสถาปัตยกรรมตะวันตก คือ ลักษณะภายนอกเป็นสถาปัตยกรรมไทย ส่วนภายในออกแบบตกแต่งอย่างตะวันตก และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่าวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม แปลว่า วัดพระมหากษัตริย์ทรงสร้าง ซึ่งมีสีมากว้างใหญ่รอบอาณาเขตวัด    ลักษณะพิเศษของมหาสีมาราม คือการทำสังฆกรรมไม่จำกัดเฉพาะในพระอุโบสถ แต่สามารถทำได้ทุกแห่งในเขตมหาสีมา
    วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอารามหลวงสุดท้าย ที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างตามโบราณราชประเพณีของการสร้างวัดประจำรัชกาล
    ผังวัดมีพระเจดีย์ใหญ่ตรงกลาง พระอุโบสถอยู่ทิศเหนือของพระเจดีย์ พระวิหารทิศใต้ พระวิหารขนาดย่อมทิศตะวันออกและตะวันตก มีระเบียงโค้งรอบพระเจดีย์ ผนังทุกด้านประดับลวดลายกระเบื้องเคลือบวิจิตรงดงาม
    พระอุโบสถเปิด 9.00-9.30 น. และ 17.30-18.00 น.
    ผมไปถึงพระอุโบสถ 10.45 น. ก่อนหน้า มีคณะมาทำบุญ ประกอบพิธีในพระอุโบสถ เพิ่งเสร็จ คณะสงฆ์กำลังฉันเพล และพระอุโบสถปิดแล้ว ผมเดินดูภายนอกหลายรอบ เห็นประตูพระอุโบสถบานหนึ่งเปิดแง้มอยู่ มีรองเท้าวาง 2 คู่ ชะโงกหน้ามองดูภายใน ความงดงามที่เห็นและความสงบที่รู้สึก ชวนให้ถอดรองเท้า ก้าวเข้าไปภายใน
    พระอุโบสถภายนอกเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทย ภายในเป็นแบบตะวันตก คล้าย Hall of Mirrors, Versailles พระประธานคือพระอังคีรส ที่ฐานบัลลังก์ ภายในบรรจุพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระศรีสุลาไลย และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าละม่อม กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร และพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชสรีรางคาร สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
    เจ้าหน้าที่วัด 2 คนกำลังเปลี่ยนหลอดไฟหลายดวงที่ดับ ช่อไฟอยู่สูง ต้องใช้บันไดพาด จึงต้องช่วยกัน 2 คน ผมนั่งสงบกลางพระอุโบสถ ชื่นชมความงาม สันติสุข ปราศจากผู้คนจอแจ ราว 20 นาที รอจนเจ้าหน้าที่วัดเปลี่ยนหลอดไฟเสร็จและจะปิดประตูพระอุโบสถ จึงกลับออกมา

    นอกเขตกำแพงมหาสีมาด้านทิศตะวันตก ติดถนนอัษฎางค์ เป็นสุสานหลวง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเป็นที่บรรจุพระอัฐิ และพระสรีรางคารของพระบรมราชเทวี พระราชเทวี เจ้าจอมมารดา พระราชโอรส และพระราชธิดาในพระองค์ รูปแบบสถาปัตยกรรมต่างๆ ทั้งพระเจดีย์ พระปรางค์ วิหารแบบไทย แบบขอม แบบโกธิค อยู่ในสวนซึ่งมีต้นลั่นทมและพุ่มพรรณไม้ต่างๆ ปลูกไว้อย่างสวยงาม
    อนุสาวรีย์ที่สำคัญคือ เจดีย์ทอง 4 องค์ เรียงลำดับจากเหนือไปใต้ มีชื่อคล้องจองกันดังนี้
    สุนันทานุสาวรีย์ บรรจุพระสรีรางคารสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ บรมราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ พระราชธิดา
    รังษีวัฒนา บรรจุพระสรีรางคารพระราชโอรส พระราชธิดาอันประสูติแต่สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี อาทิ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร และสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และพระราชนัดดา อาทิ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
    เสาวภาประดิษฐาน บรรจุพระสรีรางคารพระราชโอรส พระราชธิดาอันประสูติแต่สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ และพระราชนัดดา เช่น สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
    สุขุมาลนฤมิตร์ บรรจุพระสรีรางคารพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต และพระนัดดา

ออกจากสุสานหลวงเดินเลียบคลองคูเมืองเดิม ข้ามสะพานหก เข้าสวนสราญรมย์ทางประตูด้านถนนราชินี
    สวนสราญรมย์เดิมเป็นเขตพระราชอุทยานของพระราชวังสราญรมย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2409 สวนสราญรมย์ก่อสร้างขึ้นในช่วงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2417 โปรดเกล้าฯให้ เฮนรี อาลาบาศเตอร์ เป็นผู้ออกแบบและจัดสร้างสวนพฤกษศาสตร์ตามแบบอย่างในต่างประเทศ เมื่อเสด็จไปที่ใด พบพันธุ์ไม้แปลก ๆ ก็โปรดให้นำมาปลูกเพิ่มเติมที่สวนสราญรมย์อยู่เสมอ
    ปัจจุบัน สวนสราญรมย์เป็นสวนสาธารณะในความดูแลของกรุงเทพมหานคร
    ศาลาเรือนกระจก ตึกโถงชั้นเดียวกรุกระจก มีดาดฟ้าตกแต่งด้วยไม้ฉลุลวดลายวิจิตร เคยเป็นที่ตั้งของทวีปัญญาสโมสร และโรงละครทวีปัญญา เป็นสโมสรแบบตะวันตกของเจ้านายและข้าราชการชั้นสูง มีการออกหนังสือทวีปัญญารายเดือน การเล่นกีฬาในร่มและกลางแจ้ง ละครพูด และห้องอ่านหนังสือ ปัจจุบันสภาพเก่า ขาดการดูแล น่าเสียดาย

ทิศเหนือของสวนสราญรมย์เป็นที่ตั้งของวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร
    วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2407 ตามธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ว่า ในราชธานีจะต้องมีวัดสำคัญประจำ 3 วัด คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และวัดราชประดิษฐ์
    วัดราชประดิษฐ์ฯ เป็นวัดฝ่ายธรรมยุติกนิกายวัดแรกที่สร้างขึ้นเพื่อพระสงฆ์ในนิกายนี้ เพราะวัดอื่น ๆ ของฝ่ายธรรมยุติเป็นวัดที่แปลงมาจากวัดของมหานิกาย
    พระวิหารหลวง ตั้งอยู่บนพื้นไพที ประดับด้วยหินอ่อนทั้งหลัง หน้าบันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เป็นไม้สักแกะสลักลายรูปพระมหาพิชัยมงกุฎบนพระแสงขรรค์ มีพานแว่นฟ้ารองรับ พานแว่นฟ้าประดิษฐานอยู่บนหลังช้าง 6 เชือก ทั้งสองข้างประดับด้วยฉัตรห้าชั้น พื้นของหน้าบันเป็นลายกระหนก นับเป็นยอดสถาปัตยกรรมชิ้นหนึ่งของไทย
    ซุ้มประตูและหน้าต่างประดับด้วยรูปมงกุฎปูนปั้น บานประตูและหน้าต่างทำด้วยไม้สัก แกะสลักเป็นลายก้านแย่งซ้อนกันสองชั้น ลงรักปิดทองประดับกระจกสีงดงาม
    พระประธานประจำพระวิหารหลวงคือ พระพุทธสิหังคปฏิมากร จำลองมาจากพระพุทธสิหิงค์ที่ประดิษฐานอยู่ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
    บนผนังโดยรอบภายในพระวิหารหลวง เป็นภาพสีฝุ่น รูปเทพยดาดั้นเมฆ รูปพระราชพิธีสิบสองเดือน และรูปสุริยุปราคาที่หว้ากอ ประจวบคีรีขันธ์ ในสมัยรัชกาลที่ 4
    ปาสาณเจดีย์ อยู่ถัดจากพระวิหารหลวงไปด้านหลัง ภายนอกพระเจดีย์ประกอบด้วยหินอ่อนทั้งหมด
    ปราสาทยอดปรางค์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างปราสาทยอดปรางค์แบบขอมขึ้น 2 หลัง ตั้งอยู่บนลานไพทีด้านตะวันออก และด้านตะวันตกของพระวิหารหลวง
    ปราสาทด้านตะวันออก หน้าบันประดับด้วยรูปปูนปั้นนูน ภาพพุทธประวัติ ปางประสูติและปางปรินิพพาน ใช้เป็นหอไตร          
    ปราสาทด้านตะวันตก ยอดปรางค์ประดับด้วยพรหมสี่หน้า หน้าบันประดับรูปปูนปั้น นารายณ์บรรทมสินธุ์ ภายในปราสาทประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงเรียกว่า 'หอพระจอม'
    หอระฆัง ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ ลวดลาย สีสันงดงาม หอระฆังนี้ไม่มีบันไดขึ้น ใช้เชือกโยงตุ้มระฆัง ดึงเคาะระฆังจากพื้นด้านล่าง

ย่านคลองคูเมืองเดิม วัดราชบพิธฯ สุสานหลวง สวนสราญรมย์ วัดราชประดิษฐ์ฯ พื้นที่เพียงหนึ่งในสี่ตารางกิโลเมตร แต่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ งานศิลปะชั้นยอด สถานที่รำลึก ความสุข ความทุกข์ ชวนให้ค้นคว้า เรียนรู้ ทำความเข้าใจ
ค่ารถไปกลับ 42.00 บาท (รถเมล์เย็น)

ข้อมูล ค้นจาก
         นำชมกรุงรัตนโกสินทร์ กองโบราณคดี กรมศิลปากร พ.ศ. 2525
         ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย. ชื่อบ้าน นามเมือง. มติชน: 2538.
         th.wikipedia.org
         lib.su.ac.th

3 comments:

  1. Pageใช้ยาก หรือคนใช้ไม่เป็น..ยังสงสัย !! ครั้นลองทดสอบกลับใช้ได้..สนุกดี เอาเป็นว่าเขียนรอบที่สาม เขียนไม่ได้อารมณ์แล้ว ขอสรุป..บทความที่อ่านสามารถหลับตาจินตนาการไปตามรอยเท้าที่ลัดเลาะเลียบไปตามคลองคูเมือง ได้อย่างสนุกสนาน ได้รับความรู้ทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และอื่นๆอีกมากมาย..ครั้งนี้ได้ใช้บริการรถเมล์เย็นด้วย

    ReplyDelete
  2. ขอเขียนวิจารณ์เป็นรอบที่สี่..ไม่รู้เกิดอะไรกับการใช้pageนี้..จะต้องใช้ให้ได้..ชอบวิธีการเขียนแบบเล่าเรื่อง หลับตาจินตนาการไปตามคำบอกเล่า ที่ก้าวเดินเลียบคลองคูเมืองไปเรื่อยๆ ได้อรรถรสจากความรู้ทางประวัติศาสตร์ผสมผสานกันไป อย่างกลมกลืนดีจัง ...ครั้งนี้ได้ใช้บริการรถเมล์เย็นซะด้วย ดีแล้วจะได้มีแรงไว้เดินเที่ยวชมเพื่อมาเล่าสู่กันฟังต่อไป

    ReplyDelete