January 27, 2018

Metamorphosis of Japan after the War: 13.10.2016

Japan Foundation, Bangkok จัดนิทรรศการภาพถ่าย ‘Metamorphosis of Japan after the War’ ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน วันที่ 17 กันยายน - 14 ตุลาคม 2016
     ผมเพิ่งทราบข่าวเมื่อใกล้หมดเขต วันนี้จึงรีบไปชม

10.30 น. นั่งรถเมล์เย็น ไปลงที่หน้าหอศิลป์
     อาคารหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน เป็นหนึ่งในอาคาร 15 หลัง ริมถนนราชดำเนินกลาง สร้างขึ้น ระหว่างปี 1937-1948 สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี
     ปี 1937 รัฐบาลออกพระราชบัญญัติเวนคืนที่ เพื่อสร้างอาคารริมถนนราชดำเนินกลางทั้งสองฝั่ง กำหนดเขตลึกเข้าไปฝั่งละ 40 เมตร เป็นอาคาร 3 ชั้นครึ่ง จำนวน 15 หลัง มีถนนซอยระหว่างตึก บริเวณมุมอาคารก่อมุขโค้งครึ่งวงกลม ดาดฟ้ามุขเทคอนกรีต ผิวผนังทำขรุขระ ไม่ฉาบเรียบเหมือนอาคารทั่วไป มีบันไดสูง 3 ขั้น ขึ้นด้านหน้าตึก
     อาคารริมถนนราชดำเนินกลางนี้สง่างามรับกับถนนกว้างใหญ่ จึงเป็นที่ตั้งของบริษัทห้างร้าน ต่อมา อาคารถูกปล่อยร้าง เนื่องจากผู้เช่าเดิมหมดสัญญา
     ปี 2010 สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ได้ริเริ่มโครงการปรับปรุงอาคารแห่งนี้ให้เป็นหอศิลป์ร่วมสมัย

นิทรรศการภาพถ่าย
     ภาพขาวดำจำนวน 123 ภาพ จัดแสดงแบ่งตามเวลาเป็น 3 ช่วง ได้แก่ หลังสงคราม จารีตกับสมัยนิยม และสู่ยุคใหม่ บันทึกโดยช่างภาพฝีมือดี 11 คน ประกอบด้วย Ihee Kimura (1901-1974), Ken Domon (1909-1990), Hiroshi Hamaya (1915-1999), Tadahiko Hayashi (1918-1990), Yasuhiro Ishimoto (1921-), Shigeichi Nagano (1925-), Takeyoshi Tanuma (1929-), Shomei Tomatsu (1930-), Ikko Narahara (1931-), Kikuji Kawada (1933-) และ Eikoh Hosoe (1933-) ภัณฑารักษ์ได้แก่ Tsuguo Tada และ Marc Feustel
     แม้ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และบ้านเมืองถูกทำลายย่อยยับเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง แต่กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เพียง 2 ทศวรรษนับจากสงครามยุติในปี 1945 จนถึงการเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวในปี 1964 ญี่ปุ่นพลิกฟื้นประเทศจากซากปรัก จากเถ้าถ่าน สู่ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ อันเห็นได้จากกำเนิดรถไฟความเร็วสูง ‘Shinkansen’ และมาตรฐานชีวิตใหม่ในครัวเรือน

ช่วงที่ 1 หลังสงคราม
     เวลาเที่ยง วันที่ 15 สิงหาคม 1945 สงครามอันยาวนานสิ้นสุดลง เมื่อได้ยินข่าว Hiroshi Hamaya วิ่งออกนอกบ้าน เล็งกล้องถ่ายรูปไปยังดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า...นี่คือภาพแรกของนิทรรศการ
     สนามรบครอบคลุมกว้างขวาง ทั้งแผ่นดินใหญ่จีน คาบสมุทรเกาหลี อุษาคเนย์ ตลอดจนหมู่เกาะในแปซิฟิก สงครามทำลายชีวิตผู้คนจำนวนมหาศาล ในญี่ปุ่น Hiroshima และ Nagasaki ราพณาสูรด้วยระเบิดปรมาณู Tokyo, Osaka, Nagoya และเมืองสำคัญอื่นๆ ถูกระเบิดเพลิงเผาผลาญยับ ความปราชัยทำให้สมบูรณาญาสิทธิและจักรพรรดินิยมที่ปกครองประเทศมาแต่เก่า กลับเป็นโมฆะไปในวันเดียว ญี่ปุ่นถูกยึดครองโดยฝ่ายสัมพันธมิตร ผู้กำหนดการปฏิรูปขนานใหญ่ทุกระดับ ส่งผลสะเทือนวงกว้าง
     ท่ามกลางความระส่ำและความไม่แน่นอนต่ออนาคต อุตสาหกรรมการพิมพ์ตื่นขึ้นก่อน นิตยสารที่ถูกปิดโดยระบอบเก่า ฟื้นคืนชีพ นิตยสารใหม่ทยอยกันออกมา ผู้คนที่เอือมระอาต่อโฆษณาชวนเชื่อและการเซ็นเซอร์ข่าวของลัทธิทหารระหว่างสงครามต่างโหยหาความจริง ส่งผลให้สำนักข่าวขยายตัวอย่างคึกคักในช่วงหลังของทศวรรษ 1940 ช่างภาพจำนวนมากถูกส่งออกไปทั่วโลก คนหนุ่มเหล่านี้ได้แก่ Shigeichi Nagano, Takeyoshi Tanuma และ Shomei Tomatsu พวกเขาเริ่มอาชีพที่ Iwanami Shashin Bunko และ Shukan Sun News weekly ส่วนช่างภาพที่มีชื่อเสียงตั้งแต่ก่อนสงคราม อาทิ Tadahiko Hayashi, Ihee Kimura, Ken Domon และ Hiroshi Hamaya ต่างเข้าร่วมงานกับนิตยสารที่ฟื้นขึ้นใหม่ กล้องของพวกเขาบันทึกสภาพสิ้นหวังของซากปรักบ้านเมือง ความยากจนตามถนนในโตเกียว และที่สุด...ใบหน้าแจ่มใสของเด็กๆ ที่เปี่ยมด้วยพลัง!

ช่วงที่ 2 จารีตกับสมัยนิยม
     ยุค ‘หลังสงคราม’ สิ้นสุดลงในปี 1952 เมื่อญี่ปุ่นลงนาม San Francisco Peace Treaty กับสหรัฐอเมริกาและฝ่ายสัมพันธมิตร ถึงปี 1955 เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัว รายได้ประเทศสูงกว่าตอนก่อนสงคราม ปัจจัยเร่งสำคัญคืออุปสงค์ต่อสงครามเกาหลีที่ปะทุขึ้นจากการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียต สิ่งทอเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ สินค้านำเข้าและการไปต่างประเทศถูกจำกัดอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง อาทิ วิทยุทรานซิสเตอร์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ และกล้องถ่ายรูป ล้วนเป็นดาวในภาคส่งออก ส่งให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว
     ระบบสังคมถูกปฏิรูปตามนโยบายของผู้ยึดครอง เริ่มจากที่ดิน สิทธิของคนงาน การทอนอำนาจของกลุ่มทุนตระกูลใหญ่ (Zaibatsu conglomerates) ความเสมอภาคทางเพศในการศึกษาและการเมืองที่ระบุในรัฐธรรมนูญใหม่ เสรีภาพในการพูด การแสดงความเห็น เสรีภาพของสื่อสิ่งพิมพ์ ได้รับการเคารพ โครงสร้างอุตสาหกรรมและผังเมืองล้วนเปลี่ยนไปเพื่อรองรับคลื่นคนหนุ่มสาวจากชนบทกสิกรรมสู่สังคมเมือง
     ภาพถ่ายหลังสงครามได้รับอิทธิพลอย่างสูงจากกระแสสัจนิยม (photo-realism) นำโดย Ken Domon เป็นอาทิ อย่างไรก็ตาม เมื่ออัตลักษณ์ของชาติค่อยๆ เลือนไป Hiroshi Hamaya และ Ihee Kimura จึงหันกล้องสู่ชนบท ที่ซึ่งยังคงเหลือวิถีแบบญี่ปุ่นอยู่ ในความสัมพันธ์ของผู้คนกับธรรมชาติที่ไม่ปรานี พวกเขาได้นำเสนอภาพความเข้มแข็งของชาวบ้าน จารีต และขนบอันเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน

ช่วงที่ 3 สู่ยุคใหม่
     การเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว ปี 1964 ทำให้มีการก่อสร้างถนน สวนสาธารณะ และโครงสร้างพื้นฐานทั้งประเทศ ‘Shinkansen’ รถไฟความเร็วสูง (ที่สุดในตอนนั้น) เริ่มวิ่งระหว่างโตเกียวกับโอซาก้า ปลายปี 1960 รัฐบาลประกาศแผนเพิ่มรายได้เป็นสองเท่าในสิบปี หากในความเป็นจริงอัตราเติบโตเกินเป้าร้อยละ 7.2 ต่อปี และบรรลุแผนเพียงเวลาไม่กี่ปี ถึงปี 1964 ครัวเรือนส่วนใหญ่มีโทรทัศน์ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น ‘สามสมบัติศักดิ์สิทธิ์’ แห่งยุคใหม่ เวลานั้นไม่มีใครคิดว่าวันหนึ่งบริษัทญี่ปุ่นจะแข็งแกร่งยิ่งในตลาดโลกจากการขยายตัวของตลาดภายใน และนำประเทศสู่ชาติอุตสาหกรรมผู้ส่งออกเหล็ก เรือ รถยนต์ และคอมพิวเตอร์ ชาวญี่ปุ่นมุ่งทำงานหนักเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น โดยมิได้เฉลียวว่าประเทศจะกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ อีกทั้งมิได้ใส่ใจถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่จะตามมา
     สำหรับช่างภาพญี่ปุ่น ‘หลังสงคราม’ เริ่มด้วยปฏิกิริยาตอบโต้จารีตแห่งการเชื่อฟังเดิม สู่อิสระในการบันทึกภาพสังคมที่อลหม่าน ตามด้วยกระแสค่านิยมใหม่ แล้วรุ่นต่อมา อาทิ Yasuhiro Ishimoto, Shomei Tomatsu, Kikuji Kawada, Ikko Narahara และ Eikoh Hosoe นำเสนอภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคมด้วยวิถีและการตีความหลากหลายจากสัจนิยมแบบเดิม ภาพ Nagasaki 11:02 ของ Shomei Tomatsu ที่เกี่ยวเนื่องกับระเบิดปรมาณู และภาพชุด Chizu (‘แผนที่’) ของ Kikuji Kawada นับเป็น masterpiece ส่วนภาพ Ordeal by Roses ของ Eikoh Hosoe นั้นเปิดมุมใหม่ที่น่าสนใจ

นิทรรศการภาพถ่ายจัดอย่างประณีต เส้นทางเดินชัดเจน พาผู้ชมผ่านกาลเวลาตามลำดับ ภาพขาวดำยิ่งแสดงฝีมือช่างภาพ ทั้งองค์ประกอบ แสงเงา และ contrast แผ่นข้อมูลให้ความรู้อย่างวิเศษ

การพ่ายแพ้สงคราม การถูกยึดครอง การล้มล้างลัทธิทหาร การปฏิรูปประเทศ ความเสมอภาค เสรีภาพ และประชาธิปไตย เหล่านี้คือปัจจัยสำคัญที่ส่งให้ญี่ปุ่นพลิกฟื้นประเทศจากซากปรักสู่ความรุ่งเรืองในเวลาเพียง 2 ทศวรรษ เมื่อประชาชนหลุดพ้นจากแอกและภาระแห่งลัทธิทหารซึ่งนำประเทศสู่หายนะของการก่อสงคราม
     Metamorphosis of Japan น่านับถือและน่าชื่นชมยิ่ง
…..

19.00 น. โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ถ่ายทอดประกาศสำคัญจากสำนักพระราชวัง…
การเปลี่ยนผ่านจะเป็นเช่นไรหนอ?
     84 ปี คือ 7 รอบนักษัตร นับจากการอภิวัฒน์ 24 มิถุนายน 1932!
     เพียง 25 ปี ต่อมา (1957) วงจรอุบาทว์แห่งรัฐประหาร ความรุนแรง ภายใต้การแทรกแซงอันแยบยล การโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda) อันเป็นระบบ คงหมุนกงล้อย้อนกลับสู่ลำดับชนชั้น และการถืออำนาจแบบเก่า
     84 ปีแล้ว เราฟักจากไข่ โตเป็นตัวหนอน (larvae) พยายามเป็นดักแด้ (pupae) หากวนเวียนอยู่ได้เพียงเท่านี้ มิอาจเจริญเป็นผีเสื้อโบยบินต่อไป
     Metamorphosis of Thailand ช่างยาวนานและ ‘เลือดเย็น’ จริงๆ!


ข้อมูลค้นจาก
     jfbkk.or.th
     wikipedia.org
     rcac84.com