แวะรับหมอฝนตรงปากทางเข้ามหาวิทยาลัยพายัพ เมื่อคืนคุณพ่อมารับลูกสาวไปนอนบ้าน เช้านี้มาส่งกลับเข้าคณะไปเชียงรายต่อ จึงเป็นโอกาสดีที่พวกเราได้พบกับคุณพ่อหมอฝนด้วย
ออกจากเชียงใหม่ไปตามทางหลวง 118 ราว 42 กิโลเมตร เข้าเขตอำเภอดอยสะเก็ด เชียงใหม่ เราแวะชมไร่ลุงแปด แนวเขาที่เป็นฉากหลังส่งให้ไร่งดงาม ชวนเดินเล่น อีกทั้ง strawberry ที่เพิ่งเก็บมาก็แสนอร่อย
จากไร่ลุงแปด รถแล่นต่อไปราว 26 กิโลเมตร เขตอำเภอเวียงป่าเป้า เชียงราย ถึง Coffee View ร้านกาแฟริมทาง ด้านในเป็นหุบลึกลงไป มีทะเลสาบ และแนวต้นสนปลูกเรียงรายริมทะเลสาบ ไกลออกไปมองเห็นทิวเขาสลับ แดดอ่อนโยนยามเช้าหน้าหนาว มุมแสงกำลังงาม ที่นั่งจิบกาแฟเช่นนี้ช่างน่าอภิรมย์จริงๆ
เดินทางต่ออีก 120 กิโลเมตร ถึงเมืองเชียงราย
12.30 น. กินมื้อกลางวันที่ร้านน้ำเงี้ยวป้าสุด อยู่หลังโรงพยาบาลเชียงราย หมออาดา ศิษย์เก่ากุมารศัลยศาสตร์ของเรา มารออยู่แล้ว รวมทั้งหมอปูเป้ จากโรงพยาบาลแจ้ห่ม ลำปาง ก็มาด้วย หมอปูเป้รับทุนต้นสังกัดโรงพยาบาลเชียงราย จะไปฝึกอบรมกุมารศัลยศาสตร์ที่โรงพยาบาลเด็กปีการศึกษา 2559 (เริ่มกรกฎาคม 2559) น้ำเงี้ยวพื้นเมืองขนานแท้ รสชาติอร่อยถูกใจทุกคน
หลังอาหาร เจ้าบ้านพาเข้าไปในโรงพยาบาล
โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
การอภิวัฒน์ 24 มิถุนายน 2475 โดยคณะราษฎร เปลี่ยนแปลงการปกครองของสยาม จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตย คณะราษฎรได้ประกาศแนวทางการปกครองประเทศด้วยหลัก 6 ประการ ข้อสำคัญหนึ่งคือรัฐบาลมีหน้าที่ต้องดูแลราษฎรทุกคนอย่างเสมอภาค
ต่อมารัฐบาลพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) หัวหน้าคณะราษฎร (ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ระหว่าง พ.ศ. 2476-2481) ได้ประกาศพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2477 อันเป็นรากฐานสำคัญของการสาธารณสุข กล่าวคือให้จัดตั้งเทศบาลขึ้นทั่วประเทศแทนสุขาภิบาล โดยเทศบาลเป็นสถาบันส่งเสริมการสาธารณสุขตามหัวเมืองชนบท นอกจากนี้ ให้กรมสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย จัดทำโครงการสร้างโรงพยาบาลขึ้นทุกจังหวัด
ในชั้นต้นให้จัดสร้างโรงพยาบาลตามชายแดนก่อน เพื่อแสดงเกียรติภูมิของชาติไทยแก่ประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก เรียกว่า นโยบาย 'อวดธง'
เริ่มที่จังหวัดชายแดนด้านติดกับลาว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอินโดจีน อาณานิคมของฝรั่งเศส ทั้งนี้เพื่ออวดธงไทยแก่พี่น้องชาวลาว เป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยในยุคประชาธิปไตยเอาใจใส่ห่วงใยชีวิตความเป็นอยู่ และความเจ็บไข้ของราษฎรไทยในท้องถิ่นห่างไกล รวมทั้งพี่น้องในประเทศเพื่อนบ้านตามชายแดนด้วย
โรงพยาบาลที่สร้างขึ้นตามนโยบายอวดธงในยุคแรก ได้แก่ โรงพยาบาลประจำจังหวัดอุบลราชธานี หนองคาย และนครพนม
ต่อมาในปี พ.ศ. 2479 พระพนมนครานุรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มีดำริที่จะสร้างโรงพยาบาลประจำจังหวัดเชียงราย ตามนโยบายอวดธงของรัฐบาล เช่นเดียวกับที่เคยทำสำเร็จมาแล้วที่นครพนม สมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น ด้วยเห็นว่าเชียงรายตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศ มีอาณาเขตติดต่อกับพม่า อาณานิคมของอังกฤษ และลาว อาณานิคมของฝรั่งเศส เหมาะอย่างยิ่งที่จะจัดสร้างโรงพยาบาลอวดธงให้เป็นที่ประจักษ์แก่เพื่อนบ้าน
เนื่องจากแต่เดิมท่านเคยเป็นปลัดจังหวัดเชียงรายมาก่อน รู้จักมักคุ้นกับคหบดี พ่อค้า และประชาชนทั่วไป รวมทั้งชาวต่างประเทศที่ประกอบกิจการป่าไม้และยาสูบในเชียงรายเป็นอย่างดี จึงมีแนวคิดสร้างโรงพยาบาลด้วยเงินบริจาคของคนในจังหวัดโดยไม่ต้องขอเงินงบประมาณของรัฐ
แนวคิดของท่านได้รับการตอบสนองอย่างดีจากชาวเชียงราย ในการนี้ขุนวิศิษฐอุดรการ และขุนสุวรรณรัตนราช คลังจังหวัด เป็นผู้ดำเนินการรับบริจาคจากประชาชน ในหมู่พ่อค้า เถ้าแก่โรงสี นำโดยคุณมุ่ย เตวิทย์ และคุณนายแห่งเชียงราย หลวงพิศิษฐไกรกร หลวงศรีนครานุกูล และเจ้าแม่ไหวแห่งพะเยา พากันสละทุนทรัพย์เป็นตัวอย่างและช่วยบอกบุญต่อๆ กันไป
นอกจากนั้น คุณสีหศักดิ์ และคุณนายกิมเฮียะ ไตรไพบูลย์ ได้อุทิศที่ดินตำบลสันโค้ง จำนวน 19 ไร่ รวมทั้งประชาชนซึ่งมีที่ดินข้างเคียงร่วมบริจาคให้เป็นจำนวนพอสมควร เป็นที่ก่อสร้างโรงพยาบาล
โรงพยาบาลเปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2480 ชื่อ 'โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์' ด้วยสร้างขึ้นโดยเงินบริจาคของประชาชนชาวเชียงรายล้วนๆ มิได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเลย
เมษายน พ.ศ. 2480 กรมสาธารณสุขมีคำสั่งให้นายแพทย์เสม พริ้งพวงแก้ว (พ.ศ. 2454-2554) จากโรงพยาบาลนครสวรรค์ ไปเป็นแพทย์คนแรกของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ที่เปิดใหม่
เดิมเชียงรายมีโรงพยาบาลอยู่แล้ว 1 แห่ง คือโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค ก่อตั้งโดยคริสตจักรโอเวอร์บรุ๊ค รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เปิดทำการตั้งแต่ พ.ศ. 2446 ชาวบ้านเรียกขานว่า 'โฮงยาฝรั่ง'
ดังนั้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 ชาวเชียงรายจึงมี 'โฮงยาไทย' เป็นที่พึ่งยามเจ็บป่วยเป็นของตนเองอย่างแท้จริง
ปัจจุบันโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์เป็นโรงพยาบาลศูนย์ จำนวนเตียงกว่า 750 เตียง เนื้อที่ 67 ไร่...
ที่ห้องประชุม ทีมเชียงรายรออยู่แล้ว ได้แก่ หัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรม หัวหน้าหน่วยกุมารศัลยกรรม (หมอสุรพล) หมอและพยาบาลหลายท่าน ฝ่ายเหย้าและฝ่ายเยือนแนะนำตัว บรรยากาศเป็นกันเองอย่างยิ่ง
หมออาดาบรรยายภาพรวมของโรงพยาบาล และสรุปงานกุมารศัลยกรรม จำนวนคนไข้นับว่ามากสำหรับกุมารศัลยแพทย์ที่มีเพียง 2 คน
หมอฝนพูดเรื่อง Minimally Invasive Surgery (MIS) ตามที่หมออาดาประสานไว้ล่วงหน้า
จากนั้นไปเดินชมสถานที่ หอผู้ป่วยเด็ก nursery NICU ห้องผ่าตัด ที่ทางคับแคบ สภาพเก่า แต่คนไข้จำนวนมาก
แม้กายภาพของ 'โฮงยาไทย' เก่าและแออัด แต่ผู้คนในกลุ่มงานศัลยกรรมต่างกระตือรือร้น ผ่อนคลายและเป็นมิตร
16.00 น. ออกจากโรงพยาบาล หมออาดาและหมอปูเป้เป็นมัคคุเทศก์พาชมบ้านเมือง
ไร่บุญรอด
อยู่ห่างจากเมืองเชียงรายไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 16 กิโลเมตร
บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ทำไร่นี้เมื่อ พ.ศ. 2526 เดิมปลูกข้าวบาร์เลย์ วัตถุดิบหลักในการผลิตเบียร์ ต่อมาเปลี่ยนไปปลูกพืชหลายชนิด อาทิ ชาอู่หลง สายพันธุ์ Jin Xuan จากไต้หวัน กว่า 600 ไร่ ยางพารา 2,700 ไร่ พุทรา 100 ไร่ และพืชผักผลไม้เมืองหนาวหลากหลาย ทุกวันนี้มีพื้นที่กว่า 8,000 ไร่
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 ไร่บุญรอดเปิดรับนักท่องเที่ยวในลักษณะฟาร์มทัวร์ นำชมทุ่งคอสมอส (ดาวกระจาย) ทุ่งดอกไม้สีสันสวยงาม ปอเทือง ไร่ชา แปลงผักผลไม้ ทะเลสาบฝูงหงส์ คอกยีราฟ ม้าลาย และ Zipline Tower
เราไปถีงไร่ 16.30 น. ถัดจากที่จอดรถ เป็นเนินหญ้าเขียวเรียบโล่งกว้าง มีรูปปั้นสิงห์สีทองขนาดใหญ่ โลโก้ที่คุ้นตาของบริษัท ยืนเด่นอยู่ เราเดินเล่นไปตามทาง ผ่านแปลงดอกไม้สีสดงดงาม ไปจนถึงศูนย์กีฬาและสันทนาการ หมออาดากับหมอปูเป้พากันไปโหนสลิงที่ Zipline Tower จากความสูงเท่าตึกเก้าชั้น ระยะทางสลิงราว 1,400 เมตร ชมทิวทัศน์รายทางเบื้องล่างอย่างสนุก พวกที่ไม่อาจหาญแบบสองสาวค่อยเดินผ่อนคลายไปบริเวณ Farm Fest
พื้นที่เนินเขาอันกว้างขวาง อากาศบริสุทธิ์ เย็นสบาย รู้สึกเป็นอิสระอย่างยิ่ง หากให้ฉงนว่า ที่ดินกว่า 8,000 ไร่ เขารวบรวมมาได้อย่างไรหนอ?
จากไร่บุญรอด รถพากลับเข้าเมือง check-in ที่ Maryo Resort ถนนสันโค้งหลวง 5
19.00 น. ออกไปงานดอกไม้งามที่ขึ้นชื่อของเชียงราย
สวนตุงและโคมนครเชียงราย
พื้นที่กว่า 11 ไร่ ถนนธนาลัย ย่านการค้าเทศบาล เดิมเป็นที่ตั้งเรือนจำกลางจังหวัดเชียงราย เปิดเมื่อปี พ.ศ. 2451 ต่อมาจำนวนนักโทษเพิ่มมากขึ้นถึง 6,000 คน สภาพแออัดและเครียด นักโทษก่อเหตุวางเพลิงเพื่อหลบหนีบ่อยครั้ง เป็นที่วุ่นวาย นอกจากนี้ เรือนจำยังทรุดโทรม ปล่อยน้ำทิ้งโดยไม่มีระบบบำบัดน้ำเสีย ก่อปัญหาแก่ชุมชนรอบข้าง เป็นเหตุให้เกิดการต่อต้านและเรียกร้องให้ย้ายเรือนจำออกนอกเมือง
ปลายปี พ.ศ. 2542 เรือนจำจึงได้ย้ายไปที่อยู่ใหม่ พื้นที่กว่า 200 ไร่
จากนั้น เทศบาลนครเชียงราย เข้าปรับภูมิทัศน์ อาทิ รื้อถอนกำแพงคุก รื้อเรือนคุมขังนักโทษ ปรับปรุงตึกอำนวยการซึ่งมีสถาปัตยกรรมเก่าที่งดงามเป็นศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยี บูรณะเรือนไม้คุมขังนักโทษหญิงเป็นอาคารแสดงศิลปวัฒนธรรมการแต่งกายพื้นเมืองล้านนา 30 ชนเผ่า พื้นที่ภายนอกจัดเป็นสนามกีฬา สนามเด็กเล่น สระบัว และสวนตุง
นับแต่ พ.ศ. 2547 จังหวัดจัดงานเชียงรายดอกไม้งาม เป็นงานประจำปีในช่วงหน้าหนาว ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้เป็นครั้งที่ 12 จัด ณ สวนตุงและโคมนครเชียงราย
ดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์กว่า 30 ชนิด อาทิ ทิวลิป ลิลลี่ พิทูเนีย บลูฮาวาย จำนวนกว่า 1 ล้านต้น ถูกจัดตกแต่งเป็นสวนดอกไม้งดงาม กลิ่นหอมอบอวล มีละอองไอน้ำพ่นให้ความชุ่มชื้น เกิดเป็นม่านหมอก เป็นภาพราวกับความฝัน นอกจากนี้ ยังมีอุโมงค์ไม้ดอกมงคล ประติมากรรมดอกไม้ บ้านดอกไม้ ล้วนงามยิ่ง
ผู้คนเดินชื่นชมสวนกลางเมืองนี้อย่างรื่นรมย์ องค์ประกอบและบรรยากาศชวนให้ผ่อนคลาย สงบสุข
ผมหวนคำนึงถึงไฟประดับลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ราคา 39 ล้านบาท!...
ลานคนเมือง ลานซีเมนต์ใหญ่ ไร้ต้นไม้ ไร้รสนิยม รู้สึกถึงไอร้อนระอุ ต่างจากบริเวณโดยรอบชัดเจน ลานคนเมืองนี้ ขุดเจาะทำที่จอดรถใต้ดิน ด้านบนทำเป็นลานซีเมนต์โล่งโจ้ง นัยว่าไว้จัดกิจกรรมรองรับฝูงคนจำนวนมาก สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2543 สมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ไฟประดับลานคนเมือง ติดตั้งให้ชมตั้งแต่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ถึง 30 มกราคม พ.ศ. 2559 นัยว่าเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ตามนโยบายมหานครแห่งความสุข ใช้งบฉุกเฉิน และผู้รับเหมาได้เข้าติดตั้งไฟดังกล่าว ก่อนกรุงเทพมหานครประกาศผลการประกวดราคา และก่อนการทำสัญญาจ้าง โครงการนี้เป็นของหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธ์ุ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
...รสนิยมของเชียงรายกับกรุงเทพมหานคร ต่างกันเกินไป!
20.00 น. เราเดินจากสวนตุงฯ ไปร้านคุณตุล ถนนบรรพปราการ ใกล้หอนาฬิกา
โรงพยาบาลเชียงรายเป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อค่ำแก่คณะของเรา
22.00 น. ร่ำลาและขอบคุณเจ้าบ้านสำหรับมิตรภาพและน้ำใจ
คืนนี้ เราพักค้างแรมที่ Maryo Resort
เชียงราย นครล้านนาที่น่าอยู่ ผู้คนอ่อนโยน อัธยาศัยดี ภูมิศาสตร์งดงาม
'โฮงยาไทย' ทำหน้าที่แข็งขัน รับผิดชอบ น่านิยม
ข้อมูลค้นจาก
สันติ ตั้งรพีพากร. ชีวิตที่ลำบากเป็นชีวิตที่เจริญ: ชีวประวัติ ศาสตราจารย์นายแพทย์เสม พริ้งพวงแก้ว. กรุงเทพ: สำนักพิมพ์สายธาร. 2544.
crhospital.org
wikipedia.org
singhapark.com
chiangraifocus.com