ผมพบ Ichiko-san ครั้งแรก เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา...
เธอทำงานที่ supermarket ในเมืองใหญ่ เช่าห้องพักเล็กๆ อยู่ลำพัง ค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส แสนแพง เงินเดือนแทบไม่เหลือ หัวหน้าแผนกเอาแต่ชี้นิ้ว สั่ง และบ่น หนุ่มตัวผอมที่อยู่แผนกเดียวกันกินมื้อกลางวันจำพวกของสำเร็จรูปไร้คุณภาพที่ไม่อาจเรียกว่าเป็นอาหาร ซ้ำๆ ทุกวัน พอเธอเตรียมเบ็นโตะเผื่อ เขากลับนินทาเธอกับพรรคพวกของเขาว่าเธอให้ท่า กะจะ 'จับ' เขา นานวันเข้าเธอยิ่งให้สงสัยว่าตัวเองมาทำอะไรอยู่ เธอมาหาอะไรในเมืองใหญ่นี้...
บ้านเกิดของ Ichiko อยู่ที่เมือง Komori (小森) เขต Tohoku ชื่อเมืองแปลว่า 'ป่าเล็ก' ตรงกับสภาพที่เป็นจริง ประชากรราวร้อยคนเศษ ส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุ ที่ยังทำมาหากิน ทำนา ปลูกพืช เลี้ยงเป็ด ชาวบ้านรวมกันเป็นสหกรณ์เพื่อดูแลธุระส่วนกลาง อาทิ แหล่งน้ำลำธาร การใช้พื้นที่สาธารณะ บริการสีข้าว
บ้านของ Ichiko อยู่บนเขา หากปั่นจักรยานลงมาสหกรณ์และชุมชนใช้เวลา 30 นาที ขากลับนานกว่านั้น ถ้าจะช้อปปิงต้องไปที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองถัดไป ซึ่งใช้เวลาทั้งวันทีเดียว
เธอย้ายจากเมืองใหญ่กลับมาอยู่กับ Fukuko แม่ของเธอที่ Komori ไม่นาน แม่ก็ออกจากบ้านไป ไม่บอกว่าไปไหน ไปอยู่ที่ไหน จะกลับมาหรือไม่ เมื่อไร...
Ichiko จึงใช้ชีวิตตามลำพังอีก หากคราวนี้อยู่ในบ้านเกิด ทำมาหากินเช่นชาวบ้าน
ช่วงหน้าร้อน เธอดำนาปลูกข้าว ดูแลคันนาให้แปลงนาได้น้ำทั่วถึง พืชพรรณบนเขารอบบ้านผลิดอกออกผล ปลาในลำธารตัวโตขึ้น เธอเก็บไม้มาผ่าเป็นฟืนตุนไว้ใช้ให้ความอบอุ่นในบ้านช่วงอากาศเย็น
hazelnut ร่วงตามพื้นป่ามากมาย Ichiko เก็บมาแกะเอาเนื้อข้างในออก คั่วให้สุก บด เอาตั้งบนเตา ผสมผง chocolate กับน้ำมันเล็กน้อย แบบที่แม่เคยทำ คลุกจนได้เป็น paste รสอร่อย ใช้ทาขนมปัง แม่เรียก paste นี้ว่า 'nutella' และขยายความว่าที่เรียกชื่อนี้เพราะพ้องเสียงกับคำ nutteru (ぬってる) ซึ่งแปลว่า ป้ายหรือทา เหมือนกริยา ทาขนมปัง ตอน Ichiko ทำงานที่ supermarket เธอพบ 'Nutella' สูตรเดียวกับของแม่วางขายอยู่ และทราบว่าผลิตภัณฑ์นี้มีมานานแล้ว เธอตื่นเต้นมากและประหลาดใจว่าแม่ก็รู้จัก 'Nutella' ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีผล silverberry ร่วงหล่นอยู่มากเช่นกัน น่าจะลองทำแยมได้ ส่วนที่ลำบากสุดคือตอนบดผลเล็กๆ กับตะแกรง ต้องแยกเอาเมล็ดแข็งออกให้หมด จากนั้นนำไปเคี่ยว เธอเติมน้ำตาลลงไป 60% แยมก็ยังไม่หวาน ยังคงออกขมและเปรี้ยว ขณะลังเล สองจิตสองใจ แยมที่เคี่ยวก็คงตัว เป็นสีแดงคล้ำ สายเกินกว่าจะเติมน้ำตาลเพิ่ม ต้องปล่อยเลยตามเลย รอให้เย็น ตอนตักแยมลงใส่ในขวด เธอรำลึกถึงคำที่แม่เคยบอกว่า 'การปรุงอาหารเป็นกระจกเงาสะท้อนหัวใจ' นั่นคือเธอใส่ใจในกระบวนงานทั้งหมดเพียงไร เธอจ้องมองขวดแยม รำพึงว่า 'หรือนี่คือหัวใจของฉัน?' ผล silverberry ที่เก็บมาเต็มตะกร้า กลายเป็นแยม 3 ขวด รุ่งขึ้นเมื่อเปิดแยมขวดแรกมาทาขนมปังปิ้ง รสชาติขมอมเปรี้ยว กลับลงตัวอร่อยกว่าขณะเคี่ยวเมื่อวาน
แปลงมะเขือเทศ ผลโต สีแดงงดงาม ชวนเธอเด็ดกินสดๆ รสหวานอ่อนๆ ช่วยให้สดชื่น คลายเหนื่อยได้อย่างดี เถาลำต้นแข็งแรง เลื้อยและงอกได้รวดเร็ว หากไม่ริดออกบ้าง จะกลายเป็นพงทึบ กิ่งที่ริดออก หรือแม้แต่ขั้วที่เหลือหลังกินผลแล้ว ถ้าตกถึงดินเป็นได้งอกต้นใหม่ มะเขือเทศจึงดูคล้ายแข็งแรงยิ่ง อย่างไรก็ตาม หากเจอฝนเมื่อไร แปลงเขียวจะกลายเป็นสีน้ำตาล ผลสีเขียวไม่สุกแดง และเฉาไปในที่สุด ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงปลูกมะเขือเทศในโรงเรือน แต่ Ichiko ไม่ยอมติดตั้งโรงเรือน ด้วยโรงเรือนเป็นเสมือนเครื่องหมายว่าเธอจะปักหลักอยู่ที่นี่
ส่วนมะเขือเทศชนิดผลเล็ก เธอลวกน้ำร้อนครู่เดียว แล้วเอาลงแช่น้ำเย็นที่หล่อน้ำแข็งไว้ ลอกเปลือกออก แช่ต่อในน้ำเกลือ ตักใส่ขวด แช่ตู้เย็น เพียงเท่านี้ก็ได้มะเขือเทศทั้งผลที่ถนอมไว้กินได้หลายเดือน ใช้ผัดสปาเก็ตตีรสมะเขือเทศสดๆ หรือตักกินจากขวดที่แช่เย็น ก็อร่อยสดชื่นเสมอ
ความอุดมสมบูรณ์ทั้งจากป่าและจากแปลงปลูกที่เธอลงแรงไว้ เป็นวัตถุดิบชั้นดีสำหรับการปรุงอาหาร คุณค่าแห่งธรรมชาติชวนให้เธอเตรียมแต่ละจานอย่างพิถีพิถัน บ้างจากความทรงจำที่เห็นแม่ทำ บ้างจากจินตนาการของเธอเอง
ถึงฤดูใบไม้ร่วง Ichiko เก็บลูกเกาลัดป่าที่หล่นเกลื่อนพื้น กระรอกแทะกินดูง่ายๆ แต่กว่าเธอจะได้กิน ต้องฝังดินไว้ก่อน แล้วต้ม ตากบนเสื่อ แขวนตากต่อในถุง ห่อผ้าทุบเปลือกด้วยค้อน แกะเนื้อข้างในมาบด ต้มรวมกับข้าว ได้เป็นข้าวปั้นน่ากินในที่สุด ส่วนเกาลัดลูกโต เธอเอาแช่น้ำเชื่อมผสม sake
มันเทศที่ปลูกไว้งอกงามยิ่ง หัวมันขุดขึ้นมาได้จำนวนมาก เธอล้างจนสะอาด ปอกเปลือก ฝานเป็นแผ่นตามยาว แขวนตากไว้ที่ชายคา เก็บไว้ได้นาน ยามบ่ายเมื่อบรรดาคุณยายมาสังสรรค์กันที่บ้าน เธอก็เอามันเทศแผ่นมาย่างไฟเป็นของว่างขบเคี้ยวแสนอร่อย
เธอเก็บผักสวนครัวมาผัด แต่รสออกฝาดเฝื่อน ไม่ยักหวานกรอบเหมือนที่แม่ทำ ลองผิดลองถูกอยู่พักใหญ่ กว่าจะรู้เคล็ดว่าต้องลอกเปลือกบางๆ ตรงก้านใบออกก่อนเพื่อกำจัดรสฝาดเฝื่อนนั้น การไม่ใส่ใจรายละเอียดตอนแม่เตรียม จึงพลาดความรู้สำคัญไป
เธอไปตกปลาที่ลำธารกับ Yuta รุ่นน้องตอนเรียนประถม ได้ปลามา 2-3 ตัว ควักเอาไส้ออก คลุกแป้งหมักทั้งด้านนอกและด้านใน นึ่งกับผักเคียงซอยหลายอย่าง หยอดโชหยุ หอมกรุ่น
Yuta ไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่เช่นกัน เขากลับมา Komori สองสามปีก่อนและตั้งใจปักหลักไม่ย้ายไปไหนอีก เขาว่าผู้คนในเมืองใหญ่โอ้อวดในสิ่งที่ตัวไม่รู้ ต่างจากชาวบ้าน Komori ที่ทุกสิ่งที่พูด ล้วนเป็นเรื่องที่รู้จริง มีประสบการณ์จริงทั้งสิ้น เขาจึงนับถือทุกคนที่นี่
คุณลุงเลี้ยงเป็ดชวน Ichiko ไปช่วยเตรียมเนื้อเป็ด เริ่มตั้งแต่เข้าไปในเล้า ใช้สวิงใหญ่จับเป็ดมาหนึ่งตัว เชือด ควักเครื่องในออก เอาลงหม้อต้ม ถอนขนใหญ่ อังไฟเผาขนอ่อน ชำแหละเนื้อเป็นส่วนๆ เธอทำได้อย่างบรรจง คุณลุงให้ส่วนแบ่งค่าแรงเป็นเนื้อเป็ดชิ้นงามที่เธอเอากลับบ้าน ปรุงเครื่อง ผัดกับผักอย่างอร่อย
เมื่อข้าวออกรวงสุก ได้เวลาเกี่ยวข้าว จากนั้นรถสีข้าวของสหกรณ์มาบริการถึงที่ ฟางข้าวที่เหลือ เธอมัดรวม เรียงรอบแกนไม้ที่ปักไว้กับพื้นดิน ตากฟางให้แห้งเก็บไว้ใช้ในภายหลัง
ผ่านไปครึ่งปี Ichiko อยู่ลำพังที่ Komori นอกจากบุรุษไปรษณีย์ที่มาส่งใบเรียกเก็บค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊สแล้ว นานๆ จึงมีคนมาที่บ้าน Kikko เพื่อนรุ่นเดียวกัน แวะมากินข้าว กินขนมด้วยกันบ้าง Yuta มาช่วยซ่อมไฟที่เสียบ้าง การลงแรงกับไร่นา ดูแลพืชผล เก็บเกี่ยว ไม่เหลือเวลาให้เธอว่างนัก กระนั้นการปรุงอาหารกลับเป็นกิจวัตรในบ้านที่เธอให้เวลาไม่ยิ่งหย่อนกว่า
อาหารแต่ละจาน เริ่มต้นด้วยวัตถุดิบชั้นดีจากน้ำพักน้ำแรง ความใส่ใจถนอมอาหาร และสำเร็จด้วยความพิถีพิถันในการปรุง คุณค่าแห่งผลงานทำให้เธอผ่อนคลาย มีสันติสุขในการดำรงชีวิต...
ผมพบ Ichiko-san อีกครั้งหนึ่งวันนี้...
ช่วงหน้าหนาว หิมะตกหนักบนเขา เธอต้องโกยหิมะเปิดทางเดินเข้าออกบ้านวันละหลายครั้ง อากาศหนาวยะเยือก แต่พืชผลยังคงงอกงามตามเวลา ตามชนิดของมัน
ต้นผักกาดชูต้นและใบเขียวสดใส เป็นระเบียบในแปลงที่ลงไว้ เธอขุดหัวผักกาด หัวอวบใหญ่ ได้จำนวนมาก นำมาหั่นแบ่งครึ่งก่อน แล้วฝานเป็นแผ่นตามยาว ร้อยเชือก แขวนตากที่ชายคา อากาศหนาวจัดเช่นนี้ ช่วยเก็บรักษาของสดในลักษณะ freeze-drying แบบธรรมชาติอย่างดี หัวผักกาดฝานของเธอจึงเก็บไว้กินได้ตลอดทั้งปี ฤดูหนาวแสนทารุณแต่กลับเป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่งในการเก็บถนอมอาหารต่างๆ
วันคริสตมาส Ichiko คิดถึงตอนที่เธอยังเด็ก ปีนั้น แม่เตรียม loaf cake พิเศษ แม่เทแป้งผสมใบพืชสีเขียวลงในพิมพ์ก่อน จากนั้นเทแป้งผสมใบพืชสีแดงทับชั้นบน นำไปอบ เมื่อหั่น cake ที่อบเสร็จเป็นชิ้นตามขวาง Ichiko เห็นเนื้อ cake ครึ่งหนึ่งสีเขียว อีกครึ่งหนึ่งสีแดง เป็นสีสัญลักษณ์คริสตมาสอย่างงดงาม แม่มีเคล็ดลับในการเทแป้งไม่ให้สองสีปนกัน วันนั้น มีเพื่อนชายชาวต่างชาติของแม่มากิน cake และร้องเพลงกับแม่ แต่แม่กลับบอก Ichiko ว่า 'เราคนญี่ปุ่น ไม่ได้นับถือคริสต์ เราไม่ฉลองคริสตมาส' วันนี้ Ichiko อบ loaf cake สีเขียวแดงแบบที่แม่เคยทำ เธอชวน Kikko และ Yuta มากิน cake และร้องเพลงกัน พอเธอหั่น cake ใส่จานให้เพื่อนทั้งสอง ทั้งคู่ต่างตะลึงในสีสันงดงามของเนื้อ cake เขียวแดง Ichiko ฮัมเพลง 'สวัสดีปีใหม่' Kikko ประท้วงว่า 'วันนี้วันคริสตมาสนะ ยังไม่ถึงปีใหม่' Ichiko ตอบว่า 'เราคนญี่ปุ่น ไม่ได้นับถือคริสต์ เราไม่ฉลองคริสตมาส'
หลังปีใหม่ อากาศหนาวจัดยิ่งขึ้น แม้ก่อนเข้าหน้าหนาว เธอเตรียมแปลงปลูกพืชและอื่นๆ อย่างรอบคอบ แต่ถึงเวลานี้ ชีวิตไม่ง่ายเลย เธอรำพึงว่าชีวิตคนเราหมุนวนไปตามฤดูกาล: ผลิ ร้อน ร่วง หนาว เหมือนการเตรียมดิน เตรียมแปลง ลงปลูก เก็บเกี่ยว เก็บถนอมอาหาร หมุนไปครบรอบปี เริ่มรอบใหม่ ซ้ำไปเรื่อยๆ กระนั้นหรือ? เธอควรจะอยู่ที่ Komori ต่อไปจนถึงฤดูหนาวหน้าหรือ?...
ผ่านเข้าฤดูใบไม้ผลิ หิมะละลาย ชีวิตน้อยใหญ่ขยับกระฉับกระเฉงขึ้น ต้นไม้แตกใบใหม่หลังสลบไสลจากอากาศหนาวนานหลายเดือน ซากุระเริ่มผลิตุ่มดอกเล็กๆ จากนั้นไม่นาน ทั่วบริเวณเขา และริมทางที่ Ichiko ขี่จักรยานผ่าน ก็สะพรั่งด้วยซากุระบานเต็มต้น
เธอหวนคิดถึงการหมุนวนของชีวิตตามฤดูกาล และตระหนักว่าความจริงมันมิใช่วงกลมย้อนซ้ำที่เดิม หากเป็นวงเกลียวที่อาจนำไปในทางสูงขึ้นหรือต่ำลง และในระหว่างเกลียว เธอย่อมแวะออกไปรายทางได้เป็นครั้งคราว
ปลายฤดูใบไม้ผลินั้น บ้านของ Ichiko บนเขาปิดเงียบ
Kikko แวะเวียนมาดูแลแปลงปลูกที่ยังมีพืชรอเก็บเกี่ยวอยู่
เรื่องของ Ichiko เป็นภาพยนตร์ ชื่อ Little Forest (リトル・フォレスト) เขียนบทและกำกับโดย Junichi Mori สร้างจาก manga ชื่อเดียวกันของ Daisuke Igarashi ใช้เวลาถ่ายทำ 1 ปี เพื่อให้ครบทั้ง 4 ฤดู สถานที่เมือง Oshu จังหวัด Iwate ดนตรีและเพลงประกอบแต่ละฤดูโดย Yuri Miyauchi หนังทำเป็น 2 ภาค ภาคแรก: Summer and Autumn ออกฉาย: สิงหาคม 2014 ภาคสอง: Winter and Spring ออกฉาย: กุมภาพันธ์ 2015
Little Forest เดินเรื่องโดยการเล่า (narration) ของ Ichiko นอกจากแสดงวิถีชาวไร่ชาวนา การดำเนินชีวิตประจำวัน การเตรียม การหุงหาอาหาร ความใส่ใจ เห็นคุณค่าของงานที่ทำ หนังยังฉายให้เห็นชนบทที่สงบสุข ธรรมชาติยิ่งใหญ่งดงามที่แตกต่างกันทั้ง 4 ฤดู ป่า เขา ท้องฟ้า แม่น้ำ ลำธาร ไร่นา ดอกไม้ ตลอดจนถนนที่ Ichiko ขี่จักรยานผ่านไปมา
ห้าปีภายหลัง Ichiko จาก Komori ไปในปลายฤดูใบไม้ผลินั้น เธอกลับมาใหม่ คราวนี้มาพร้อมสามี ผู้คนใน Komori กำลังเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ลูกสาววัยสามขวบของ Kikko กับ Yuta วิ่งเล่นสนุกอยู่ Ichiko ร่วมร่ายรำอยู่บนเวทีกับชาวบ้าน ในวาระแห่งความยินดีต่อฤดูใบไม้ผลิ...ฤดูกาลแห่งการเริ่มต้นของชีวิต...
Little Forest จบลงในลักษณะที่ทางวรรณคดีเรียกว่า bildungsroman
วันนี้ ผมไปชม Little Forest: Winter and Spring รอบเที่ยง ผู้ชมทั้งโรงหนังมีเพียง 15 คน...
ข้อมูลค้นจาก
wikipedia.org
imdb.com
japantimes.co.jp